โตโยต้า แถลงยอดขาย รถยนต์ปี 2561 พร้อมคาดการณ์ตลาดรวมในประเทศปี 2562 อยู่ที่ 1,000,000 คัน และตั้งเป้าหมายการขายโตโยต้าที่ 330,000 คัน
![โตโยต้า แถลงยอดขาย รถยนต์ปี 2561-คาดการณ์ตลาดรวมในประเทศปี 2562-1.jpg](https://www.torquethailand.com/wp-content/uploads/2019/01/50847849_970555923153555_3953996439440326656_o.jpg)
โตโยต้า แถลงยอดขาย รถยนต์ปี 2561 พร้อมคาดการณ์ตลาดรวมในประเทศปี 2562
![โตโยต้า แถลงยอดขาย รถยนต์ปี 2561-คาดการณ์ตลาดรวมในประเทศปี 2562-มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ-3.jpg](https://www.torquethailand.com/wp-content/uploads/2019/01/50946173_970555346486946_2842489461927837696_o.jpg)
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยปี 2561 เติบโตเพิ่มขึ้น 19.2% โดยมียอดขายอยู่ที่ 1,039,158 คัน เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ผลักดันให้ GDP ของประเทศไทยเติบโต 4.2%* ส่งผลให้มียอดขายเกินหนึ่งล้านคันเป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ของตลาดรถยนต์ไทย”
สถิติการขายรถยนต์ในปี 25661 ยอดขายปี 2561 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2560
ปริมาณการขายรวม 1,039,158 คัน +19.2%
รถยนต์นั่ง 397,542 คัน +14.8%
รถเพื่อการพาณิชย์ 641,616 คัน +22.1%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 511,676 คัน +20.6%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 447,069 คัน +22.6%
โดยโตโยต้า มียอดขาย 315,113 คัน เติบโต 31.2% โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 30.3% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2.8 จุด แบ่งเป็น
- รถยนต์นั่ง 112,394 คัน เพิ่มขึ้น16.3%
- รถเพื่อการพาณิชย์ 202,719 คัน เพิ่มขึ้น 41.2%
- รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 177,047 คัน เพิ่มขึ้น 32.7%
*หมายเหตุ: ตัวเลขการเติบโตของ GDP เป็นตัวเลขประมาณการ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 2 มกราคม 2562
**หมายเหตุ: ตัวเลขยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยปี 2561 เป็นตัวเลขประมาณการ ณ วันที่ 21 มกราคม 2562
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2561 ปริมาณการขายโตโยต้า
ยอดขายปี 2561 315,113 คัน
เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2560 +31.2%
ส่วนแบ่งตลาด 30.3%
ส่วนแบ่งตลาด เติบโต (จุด) +2.8*
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2561 รถยนต์นั่ง
ยอดขายปี 2561 112,394 คัน
เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2560 +16.3%
ส่วนแบ่งตลาด 28.3%
ส่วนแบ่งตลาด เติบโต (จุด) +0.4*
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2561 รถเพื่อการพาณิชย์
ยอดขายปี 2561 202,719 คัน
เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2560 +41.2%
ส่วนแบ่งตลาด 31.6%
ส่วนแบ่งตลาด เติบโต (จุด) +4.3*
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2561 รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)
ยอดขายปี 2561 177,047 คัน
เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2560 +32.7%
ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
ส่วนแบ่งตลาด เติบโต (จุด) +3.2*
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2561 รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง)
ยอดขายปี 2561 150,928 คัน
เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2560 +37.2%
ส่วนแบ่งตลาด 33.8%
ส่วนแบ่งตลาด เติบโต (จุด) +3.6*
ด้านการส่งออกโตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 293,940 คัน ลดลง 1.8% คิดเป็นมูลค่า 154,560 ล้านบาท ตลอดจนการส่งออกชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ มูลค่า 119,284 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่นำรายได้กลับสู่ประเทศไทยเป็นเงินทั้งสิ้น 273,844 ล้านบาท ลดลง 2.6% นอกจากนี้ยอดการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกจำนวน 588,939 คัน เพิ่มขึ้น 12.5%
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ปี 2562 มร.ซึงาตะ กล่าวว่า “แนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2562 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 1,000,000 คัน เนื่องจากการลงทุนภาครัฐที่ชัดเจน และต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการลงทุนจากภาคเอกชน รวมถึงการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ในตลาดรถยนต์”
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศ ปี 2562 ยอดขายประมาณการปี 2562 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2561
ปริมาณการขายรวม 1,000,000 คัน -3.8%
รถยนต์นั่ง 384,900 คัน -3.2%
รถเพื่อการพาณิชย์ 615,100 คัน -4.1%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 494,500 คัน -3.4%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 430,500 คัน -3.7 %
โดยโตโยต้าตั้งเป้าหมายการขายสำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้ไว้ที่ 330,000 คัน เพิ่มขึ้น 4.7% แบ่งเป็น
- รถยนต์นั่ง 120,400 คัน เพิ่มขึ้น 7.1%
- รถเพื่อการพาณิชย์ 209,600 คัน เพิ่มขึ้น 3.4% และ
- รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 180,500 คัน เพิ่มขึ้น 2%
ประมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2562 ยอดขายปี 2561 เปลี่ยนแปลง ส่วนแบ่งตลาด
ปริมาณการขายรวม 330,000 คัน +4.7% 33.0%
รถยนต์นั่ง 120,400 คัน +7.1% 31.3%
รถเพื่อการพาณิชย์ 209,600 คัน +3.4% 34.1%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 180,500 คัน +2.0% 36.5%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 154,000 คัน +2.0% 35.8%
*หมายเหตุ: ตัวเลขยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยปี 2561 เป็นตัวเลขประมาณการ ณ วันที่ 21 มกราคม 2562
สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ไว้ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 270,000 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 8% คิดเป็นมูลค่า 137,303 ล้านบาท ตลอดจนการส่งออกชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ มูลค่า 120,662 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่นำรายได้กลับสู่ประเทศไทยเป็นเงินทั้งสิ้น 257,965 ล้านบาท ลดลง 5.8%
โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รวมถึงตลาดในกลุ่มประเทศอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ นอกจากนี้แผนการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศ และการส่งออกจะอยู่ที่ 577,000 คัน ลดลง 2.0%
มร.ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปัจจุบันโตโยต้ากำลังเผชิญกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และแนวโน้มใหม่ ๆ ของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้เรามีความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์สู่การเป็นองค์กรแห่งการขับเคลื่อน (Mobility Company) รวมถึงการให้บริการทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับระบบการเดินทาง ซึ่งในปี 2560 เราได้ริเริ่มโครงการ “CU TOYOTA Ha:mo” ภายใต้ความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อศึกษาความต้องการและเงื่อนไข Ride Sharing ในเขตชุมชนเมือง จากผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมาเราได้การตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งานถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า (ever-better mobility)
นอกจากนี้ โตโยต้ายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี และตอบสนองนโยบายของภาครัฐที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเราจึงเริ่มการผลิตแบตเตอรี่ไฮบริดในประเทศให้เร็วขึ้นโดยจะเริ่มการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าเกตเวย์ในเดือนพฤษภาคมนี้ พร้อมทั้งโตโยต้ายังได้ริเริ่มโครงการการจัดการแบตเตอรี่ทั้งวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ซึ่งประกอบไปด้วย
- 1. Rebuilt : คือ การนำแบตเตอรี่ใช้แล้วมาทำการคัดแยกโมดุล (เซลล์) ที่ยังสามารถใช้งานได้ นำมารวบรวมและจัดเรียงใหม่ ประกอบเป็นแบตเตอรี่ใหม่ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง
- 2. Reuse : คือ การนำแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วมาทำการคัดแยกโมดุล (เซลล์) ที่ยังคงมีประสิทธิภาพในการเก็บพลังงานไฟฟ้า นำมาประกอบเข้ากับระบบ BMS (Battery management system) ที่ควบคุมการรับและจ่ายกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นแหล่งเก็บพลังงานงานสำรอง (Energy storage)
- 3. Recycle : กรณีที่โมดุลที่ผ่านการคัดแยกไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้ จะถูกนำไปผ่านกระบวนการเผาเพื่อคัดแยกแร่ธาตุ และนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่ก้อนใหม่
โครงการที่กล่าวมานี้จะช่วยลดการเกิดขยะ และเสริมสร้างให้เกิดระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนในประเทศ ภายใต้แนวคิดการจัดการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งช่วยลดปริมาณการนำเข้าแบตเตอรี่ และยังช่วยให้ลูกค้าสามารถลดต้นทุนการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดได้อีกด้วย
นอกจากนี้เรายังมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานเพื่อสังคมให้ดียิ่งขึ้น (ever-better society) ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เริ่มจากโครงการ “โตโยต้า เมืองสีเขียว อยุธยา” ศูนย์การเรียนรู้แห่งแรกนอกโรงงานที่ได้เปิดตัวไปในปีที่ผ่านมา ครั้งนี้เราตั้งใจที่ต่อยอดโครงการโดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมไปยังชุมชนท้องถิ่นอีก 8 จังหวัด ทั่วประเทศ ภายใต้โครงการ “Toyota City Challenge” ซึ่งเราเชื่อว่าจะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับคนไทยทุกคน
และสำหรับโครงการโตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์ ที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการปรับปรุงธุรกิจชุมชนใน 7 จังหวัด รวมถึงจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ 2 แห่งที่
- จังหวัดกาญจนบุรี
- จังหวัดขอนแก่น
ในปีนี้เรามีความตั้งใจอย่างต่อเนื่องในการพัฒนา SMEs โดยวางแผนปรับปรุงธุรกิจชุมชนเพิ่มอีก 10 จังหวัด และจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้แห่งที่ 3 อีกทั้งยังร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมภายใต้โครงการพัฒนาศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (ITC) และโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์(CIV) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้สามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน”
มร.ซึงาตะ กล่าวปิดท้ายว่า “อย่างที่ทุกท่านทราบ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และพาราลิมปิก ภายใต้แนวคิด“Start Your Impossible” เพื่อทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้…ให้เป็นไปได้
สำหรับประเทศไทย เรามีแผนจะร่วมมือกับคณะกรรมการโอลิมปิก และพาลาลิมปิกแห่งประเทศไทย เพื่อให้การสนับสนุน และช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้นักกีฬาชาวไทยได้เข้าร่วมการแข่งขันในฐานะตัวแทนประเทศไทยที่กรุงโตเกียวในปี 2563 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมจะเปิดเผยในงานแถลงข่าวที่จะจัดขึ้นในกลางปีนี้”
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนธันวาคม 2561*
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 111,000 คัน เพิ่มขึ้น 6.4%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 31,152 คัน ลดลง 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 28.1%*
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 21,923 คัน เพิ่มขึ้น 42.0% ส่วนแบ่งตลาด 19.8%*
- อันดับที่ 3 ฮอนด้า 13,289 คัน ลดลง 8.1% ส่วนแบ่งตลาด 12.0%*
2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 38,200 คัน ลดลง 7.8%
- อันดับที่ 1 ฮอนด้า 9,264 คัน ลดลง 12.8% ส่วนแบ่งตลาด 24.3%*
- อันดับที่ 2 โตโยต้า 9,211 คัน ลดลง 24.8% ส่วนแบ่งตลาด 24.1%*
- อันดับที่ 3 นิสสัน 4,844 คัน เพิ่มขึ้น 7.8% ส่วนแบ่งตลาด 12.7%*
3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 72,800 คัน เพิ่มขึ้น 15.8%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,941 คัน เพิ่มขึ้น 14.6% ส่วนแบ่งตลาด 30.1%*
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 21,923 คัน เพิ่มขึ้น 42.0% ส่วนแบ่งตลาด 30.1%*
- อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 5,987 คัน ลดลง 6.1% ส่วนแบ่งตลาด 8.2%*
4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 58,724 คัน เพิ่มขึ้น 16.4%
- อันดับที่ 1 อีซูซุ 20,158 คัน เพิ่มขึ้น 44.2% ส่วนแบ่งตลาด 34.3%*
- อันดับที่ 2 โตโยต้า 19,429 คัน เพิ่มขึ้น 7.5% ส่วนแบ่งตลาด 33.1%*
- อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 5,987 คัน ลดลง 6.1% ส่วนแบ่งตลาด 10.2%*
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 7,198 คัน
โตโยต้า 2,324 คัน – มิตซูบิชิ 1,486 คัน – อีซูซุ 1,393 คัน – ฟอร์ด 955 คัน* – เชฟโรเลต 728 คัน
5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 51,526 คัน เพิ่มขึ้น 21.1%
- อันดับที่ 1 อีซูซุ 18,765 คัน เพิ่มขึ้น 48.3% ส่วนแบ่งตลาด 36.4%*
- อันดับที่ 2 โตโยต้า 17,105 คัน เพิ่มขึ้น 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 33.2%*
- อันดับที่ 3 ฟอร์ด 4,928 คัน* ลดลง 8.7%* ส่วนแบ่งตลาด 9.6%*
*หมายเหตุ: สถิติการจำหน่ายรถยนต์รวมปี 2561 เป็นตัวเลขประมาณการ ณ วันที่ 21 มกราคม 2562
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ธันวาคม 2561*
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 1,039,158 คัน เพิ่มขึ้น 19.2%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 315,113 คัน เพิ่มขึ้น 31.2% ส่วนแบ่งตลาด 30.3%*
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 177,864 คัน เพิ่มขึ้น 10.8% ส่วนแบ่งตลาด 17.1%*
- อันดับที่ 3 ฮอนด้า 128,290 คัน เพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนแบ่งตลาด 12.3%*
2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 397,542 คัน เพิ่มขึ้น 14.8%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 112,394 คัน เพิ่มขึ้น 16.3% ส่วนแบ่งตลาด 28.3%*
- อันดับที่ 2 ฮอนด้า 95,793 คัน เพิ่มขึ้น 0.8% ส่วนแบ่งตลาด 24.1%*
- อันดับที่ 3 มาสด้า 51,257 คัน เพิ่มขึ้น 39.4% ส่วนแบ่งตลาด 12.9%*
3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 641,616 คัน เพิ่มขึ้น 22.1%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 202,719 คัน เพิ่มขึ้น 41.2% ส่วนแบ่งตลาด 31.6%*
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 177,864 คัน เพิ่มขึ้น 10.8% ส่วนแบ่งตลาด 27.7%*
- อันดับที่ 3 ฟอร์ด 65,842 คัน* เพิ่มขึ้น 18.5%* ส่วนแบ่งตลาด 10.3%*
4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 511,676 คัน เพิ่มขึ้น 20.6%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 177,047 คัน เพิ่มขึ้น 32.7% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%*
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 162,132 คัน เพิ่มขึ้น 10.9% ส่วนแบ่งตลาด 31.7%*
- อันดับที่ 3 ฟอร์ด 65,145 คัน* เพิ่มขึ้น 23.7%* ส่วนแบ่งตลาด 12.7 %*
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 64,607 คัน
โตโยต้า 26,119 คัน – มิตซูบิชิ 12,982 คัน – อีซูซุ 12,554 คัน – ฟอร์ด 9,628 คัน* – เชฟโรเลต 2,196 คัน
5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 447,069 คัน เพิ่มขึ้น 22.6%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 150,928 คัน เพิ่มขึ้น 37.2% ส่วนแบ่งตลาด 33.8%*
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 149,578 คัน เพิ่มขึ้น 11.8% ส่วนแบ่งตลาด 33.5%*
- อันดับที่ 3 ฟอร์ด 55,517 คัน* เพิ่มขึ้น 24.7% * ส่วนแบ่งตลาด 12.4%*
*หมายเหตุ: สถิติการจำหน่ายรถยนต์รวมปี 2561 เป็นตัวเลขประมาณการ ณ วันที่ 21 มกราคม 2562
โตโยต้า ขับเคลื่อนความสุข