Breaking News

Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic

“ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างรถยนต์นั่ง และรถ Compact SUV สำหรับใช้งาน ที่ซุกซ่อนความร้ายกาจไว้ภายใน ด้วยฝูงม้าเยอรมันกว่า 200 ตัว คือ สิ่งที่ทำให้ GLA 250 AMG Dynamic เป็นรถอเนกประสงค์อีกหนึ่งรุ่นที่โดนใจมากๆ ทีเดียว”

ปัจจุบันตลาดรถยนต์ในประเทศไทยนั้นเรียกว่ามีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดแทบจะทุกค่าย ไม่เว้นแม้แต่แบรนด์สัญชาติยุโรป โดยเฉพาะค่ายดาวสามแฉกอย่าง Mercedes-Benz ซึ่งปีที่ผ่านมาเข็นยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ เข้าป้อนตลาดในประเทศไทยอย่างดุเดือด จนแทบจะเป็นการเปิดตัวแบบเดือนเว้นเดือนเลยทีเดียวdsc04109dsc04103และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ Mercedes-Benz มียนตรกรรมสำหรับตอบรับความต้องการผู้บริโภคชาวไทยกันแบบครบ ๆ ไลน์ ตั้งแต่รถพิกัดเล็ก ยันถึงรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ซึ่งในกลุ่มของรถอเนกประสงค์นี่แหละ คือ อะไรที่เราค่อนข้างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับรุ่นเริ่มต้นอย่าง GLA-Class ที่สามารถชักจูงใจผู้บริโภคชาวไทยได้ดีทีเดียว เพราะอะไรน่ะหรือ … เอาเป็นว่าถ้าคุณกำเงินเพื่อที่จะซื้อรถอเนกประสงค์สำหรับใช้งานสบายๆ ซักคัน ระหว่างค่ายญี่ปุ่นตัวท็อป ๆ ที่มีราคา 1.8-1.9 ล้าน กับ GLA -Class รุ่นเริ่มต้นอย่าง 200 Urban ที่ราคา 2.09 ล้าน “คุณจะเลือกอะไรล่ะ” แต่ถ้าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา และอยากได้รถอเนกประสงค์ SUV พิกัดพอดีมือ ขับง่ายๆ มันส์ๆ หรูๆ ซักคัน ผมว่าเจ้านี่น่าจะเหมาะ

Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic มากับความแตกต่างจากรุ่นพื้นฐานอย่าง 200 Urban อย่างเห็นได้ชัดในเรื่องความสปอร์ตที่มาก กว่า ซึ่งเห็นชัดๆ ก็คือ ชุดพาร์ท AMG Body Styling ซึ่งจะประกอบด้วย กันชนหน้า, หลัง และสเกิร์ตข้าง ตามด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi – Spoke ขนาด 19 นิ้ว แถมด้วยความหล่อจากสัญลักษณ์ Mercedes -Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า แล้วก็ยังมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟระบบไฟฟ้า (Electric Panoramic Sliding Glass Sunroof) ใส่เข้ามาเพื่อเพิ่มความหรูหราขึ้นอีกระดับ

ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นหลักๆ แล้วอารมณ์เดียวกัน เพียงแต่รุ่น 250 AMG เพิ่มความต่างเข้าไปด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น เบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO แต่แถมด้วยวัสดุที่สลับ DINAMICA microfibre สีดำ ที่ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ตามด้วยการใส่แป้นเหยียบแบบสปอร์ตทั้งคันเร่ง และเบรกมาให้dsc04128 dsc04138 dsc04125 dsc04130dsc04140สำหรับเครื่องยนต์นั้นก็ยังเป็นบล็อคที่คุ้นเคยกันดี กับตระกูล 250 AMG ทั้งหลาย ด้วยพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว พิกัด 2.0 ลิตรพ่วงหอยพิษเทอร์โบชาร์จ และระบบระบายความร้อนอินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งมีเรี่ยวแรงออกมาให้ใช้ที่ 211 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดระดับ 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200 – 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด DCT ที่มาพร้อม Paddle Shift หลังพวงมาลัย ซึ่งเคลมตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เอาไว้ที่ 6.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กม./ชม.

ซึ่งด้วยบล็อคเครื่องยนต์ที่คุ้นเคย ทำให้ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงกันเยอะ เพราะรู้ว่าอานุภาพมันร้ายกาจพอที่จะให้หลังติดเบาะได้ง่ายๆ ในทันทีหากวู่วามกระแทกคันเร่งหนัก ซึ่งโชคดีที่เราผ่านมือกับเจ้าตัวแรงพวก 250 AMG จากรุ่นอื่นมาบ้างแล้ว ทำให้ค่อนข้างที่จะรู้นิสัยกันในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นแป้นคันเร่งที่หนักๆ หน่วงๆ ต้องจับจังหวะการกดคันเร่งให้ดีในช่วงออกตัว เพราะแม้จะอยู่ในตำแหน่ง D และยกเท้าจากแป้นเบรกแล้วก็ตาม

เจ้านี่ก็ยังไม่เคลื่อนตัวในทันทีเหมือนกับรถอื่นๆ ซึ่งถ้าหากรู้สึกว่ามันไม่ทันใจ ตามปกติวิสัยคุณก็คงต้องเติมคันเร่ง แต่การเติมมากไปจะกลายเป็นการสั่งให้ GLA 250 AMG โดดพรวดพราดออกไปโดยไม่รู้ตัว เพราะงั้นนี่แหละครับ คือสิ่งที่ทำให้อันดับแรกในการขึ้นควบเจ้า GLA 250 AMG หรือรุ่นไหนก็ตามในตระกูล 250 AMG จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับบุคลิก และพฤติกรรมของตัวรถก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งบอกเลยว่ามันไม่ยากจนเกินไปแน่นอน และเมื่อนั่นคุณจะรู้สึกมีความสุขกับการควบคุมพละกำลังให้อยู่ภายใต้การควบคุม

อย่างที่กล่าวผมเคยผ่านมือยนตรกรรม 250 AMG มาแล้ว 2-3 รุ่น แต่นั่นก็เป็นรถยนต์นั่งอย่างพวก A-Class หรือ CLA-Class แต่นี่คือครั้งแรกของการขับขี่รถอเนกประสงค์อย่าง GLA-Class ที่บอกเลยว่าค่อนข้างประทับใจ ซึ่งนอกจากในเรื่องของสมรรถนะแล้ว ยังรวมถึงในเรื่องของพิกัดตัวถังความเป็นรถอเนกประสงค์ด้วย เพราะดูเหมือน GLA-Class จะเป็นรถที่มีส่วนผสมของความเป็นรถยนต์นั่ง และรถอเนกประสงค์ ที่ลงตัว ทำให้ความสูงตัวรถอยู่ในระดับที่เอื้ออำนวยให้ขึ้น-ลงได้สะดวก ในขณะที่เรื่องของการขับขี่นั้นก็สามารถ “รูด” ไปอย่างสบายๆ พร้อมด้วยทัศนวิสัยในการมองที่ดีกว่าจากในเรื่องของความสูงตัวรถ

เพราะฉะนั้นการใช้งานแบบปกติทั่วไป จะทำให้คุณไม่รู้สึกเบื่อหน่าย และอึดอัด ด้วยลักษณะของตัวรถ รวมถึงสามารถสนุกไปกับการขับขี่ได้จากการเร่งแซง ด้วยพละกำลังที่เหลือเฟือ โดยเฉพาะในย่านความเร็วต้น รวมถึงความเร็วเดินทางที่หากต้องการเร่งแซงก็เติมคันเร่งสั่งการให้ GLA 250 AMG พุ่งทะยานออกไปได้อย่างไม่ยากเย็น ในขณะที่ย่านความเร็วสูงหลายคนอาจจะคิดว่า ด้วยความสูงของตัวรถมันอาจะมีอาการที่น่าหวั่นใจอยู่บ้าง แต่เราขอ บอกเลยว่า “ไม่”

และนั่นมาจากความ “เจ๋ง” ของระบบช่วงล่างอิสระด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ซึ่งมากับการปรับเซ็ทที่คนชอบอารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตน่าจะถูกใจไม่น้อย ด้วยความเฟิร์มที่มีความหนึบแน่นค่อนไปทางแข็งๆ แต่ก็ไม่ถึงการกระด้างแบบโหดร้าย เพราะยังพอจับอาการความนุ่มได้ เรียกว่ามันจะมีอารมณ์คล้ายๆ กับ CLA-Class ให้พอรู้สึกdsc04112 dsc04111 dsc04119 dsc04148โดยข้อดีของมันก็คือ การควบคุมที่มากด้วยเสถียรภาพ ไม่ว่าจะเป็นการหักหลบเปลี่ยนเลนกะทันหัน หรือการเข้าโค้งก็ตาม ส่วนหนึ่งของความประทับใจในการควบคุมก็คือ น้ำหนักของพวงมาลัยที่เบาแรงในความเร็วต่ำ และแปรผันน้ำหนักไปตามความเร็วของตัวรถ ทำให้ในย่านความเร็วสูงจะค่อนข้างมีความตึงมืออยู่บ้าง เพื่อช่วยเสริมความมั่นใจในการขับขี่ เช่นเดียวกับระบบเบรกที่น้ำหนักค่อนข้างดี ทำให้กะน้ำหนักทำได้อย่างง่ายดาย และระบบเบรกก็ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน

และไม่ใช่ความแรงเร้าใจของ GLA 250 AMG เท่านั้นที่เราชื่นชอบ หากแต่เค้ายังมีบุคลิกของความเป็นรถเดินทางที่ขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลินอีกด้วยเช่นกัน กับความเร็วมาตรฐานสำหรับใช้งานแบบปกติ หรือเดินทางไปกับครอบครัว ด้วยโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือก 3 แบบ คือ E-Eco, S-Sport และ M-Manual ซึ่งถ้าเลือกใช้ E-Eco เค้าก็จะให้ความรู้สึกสบายๆ ในการขับขี่ด้วยการส่งต่อกำลังที่ราบรื่นต่อเนื่อง แถมด้วยอัตราความประหยัด ในขณะเดียวกันก็สามารถแก้ง่วงได้ด้วยโหมด S-Sport ที่คุณจะรู้สึกได้ถึงความต่างในทันที กับบุคลิกที่มีความแข็งขันตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ หรือสุดท้ายโหมด M-Manual กับอารมณ์สปอร์ตที่ให้คุณเล่นสนุกไปกับการปรับเปลี่ยนเกียร์ด้วยแป้น Paddle Shift หลังพวงมาลัยdsc04120_cropซึ่งไม่ว่าจะอย่างไหนก็แล้วแต่ GLA 250 AMG ก็สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้ในทุกสไตล์การขับขี่ บนพื้นฐานความอเนกประสงค์ของรถ Compact SUV และฟังก์ชั่นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบเครื่องยนต์ตามมาตรฐานยนตรกรรมจาก Mercedes-Benz

Specification  :  Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic

  • Price                   :   2,390,000 BHT
  • Engine                :    1,991 cc 4-cylinder 16-valves, 211 hp @ 5,500 rpm, 350 Nm @ 1,200-4,000 rpm
  • Transmission   :    A/T 7-Speed, Front-Wheel Drive
  • Performance    :    0 – 100 Km/h @ 6.6, Top Speed @ 235 Km/h
  • Weight               :     N/A

Check Also

SUZUKI CARRY DRIVE YOUR DREAM เคียงคู่ทุกธุรกิจ

SUZUKI CARRY ส่งแคมเปญ “Drive Your Dream” ผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท เคียงข้างทุกธุรกิจไทย

บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กระตุ้นตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กอีกครั้ง ส่งแคมเปญสุดพิเศษ “SUZUKI CARRY DRIVE YOUR DREAM เคียงคู่ทุกธุรกิจ” ชูจุดเด่นรับส่วนลดพิเศษสูงสุด 30,000 …

Leave a Reply