Breaking News

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว “Mercedes-Benz S 560 e” รุ่นประกอบในประเทศ

ข่าวสด รถยนต์ วันนี้ (29/03/19) เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว “Mercedes-Benz S 560 e” รุ่นประกอบในประเทศ ในงานมอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 40

Mercedess Benz Motor Show 2019

ข่าวสด: เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว “Mercedes-Benz S 560 e” รุ่นประกอบในประเทศ

หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆ

เราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้

Mr. Roland Folger, President and CEO of Mercedes-Benz (Thailand) Limited

มร. โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความมุ่งมั่นที่จะเติมเต็มทุกแนวคิดเกี่ยวกับการเดินทางแห่งอนาคต และการใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร

ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้วางรากฐานไว้เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานไปจนถึงปีพ.ศ. 2568 ซึ่งนับตั้งแต่การเปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปีพ.ศ. 2559

Mr. Roland Folger, President and CEO of Mercedes-Benz (Thailand) Limited

ทางบริษัทฯ ได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ EQ มาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เรากลายเป็นแบรนด์ผู้นำอันดับหนึ่งด้านยนตรกรรมไฟฟ้าที่มีการนำเสนอรุ่นรถยนต์ที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างครบครันมากที่สุด

โดยภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 40 นี้ ทางบริษัทฯ ได้เปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 3 อย่าง “Mercedes-Benz S 560 e” ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งผู้นำ

Mr. Roland Folger, President and CEO of Mercedes-Benz (Thailand) Limited

ที่มาพร้อมกับมิติใหม่แห่งสุนทรียะในการขับขี่ ทั้งในด้านนวัตกรรม ความสะดวกสบาย ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistance Package เทคโนโลยี ความปลอดภัยอันล้ำสมัย และความประหยัดน้ำมัน”

เครื่องยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริดเป็นเทคโนโลยีสำคัญต่อแนวคิดการใช้รถยนต์ที่ไม่ก่อให้เกิด ไอเสีย ซึ่งเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดถือเป็นเครื่องยนต์ที่ผสานข้อดีของเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน

Mr. Frank Steinacher and Mr. Roland Folger

กล่าวคือ ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ในเขตเมืองได้โดยใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และสามารถเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเมื่อขับขี่ทางไกล

โดยเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจะประหยัดพลังงานกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายใน เนื่องจากเครื่องยนต์ประเภทนี้จะสามารถดึงพลังงานเมื่อผู้ขับขี่เหยียบแป้นเบรกกลับมาสู่มอเตอร์ไฟฟ้าได้ และช่วยให้ผู้ขับขี่เดินทางได้ไกลขึ้นกว่าเดิมโดยใช้กำลังจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน

ซึ่งขณะนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาระบบเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดตามแนวคิด อีคิวพาวเวอร์” มร.โรลันด์ กล่าวเพิ่มเติม

Mr. Frank Steinacher, Vice President of Sales and Marketing, Mercedes-Benz (Thailand) Limited

มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Mercedes-Benz S 560 e โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์อันหรูหรา สง่างาม

เติมเต็มประสบการณ์แห่งการขับขี่สำหรับผู้นำให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมกับสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซินวี 6 ขนาด 3.0 ลิตร Twin turbocharging ที่ให้พละกำลังสูงถึง 367 แรงม้า

Mr. Frank Steinacher, Vice President of Sales and Marketing, Mercedes-Benz (Thailand) Limited

ซึ่งเมื่อผสานพลังกับมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง 122 แรงม้า จะทำให้ได้ System Output สูงสุดถึง 476 แรงม้า นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่ประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม

EQ Zone
EQ Zone

ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจากเจนเนอเรชั่นที่แล้วสูงสุดถึง 60% และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมที่ต่ำกว่า 50 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น”

มร. ฟรังค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 40 ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้จัดพื้นที่แสดงรถยนต์ออกเป็นจำนวน 6 โซนอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น

Compact Car Zone
Compact Car Zone

แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury Sedan & Dream Car, SUV แบรนด์เทคโนโลยี EQ รวมถึงแบรนด์รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูง

อย่าง Mercedes-AMG และแบรนด์อัลตร้า ลักชัวรี อย่าง Mercedes-Maybach มาให้กลุ่มลูกค้าได้เห็นถึงจุดเด่นและความแตกต่างของรถยนต์ในแต่ละกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น”

Contemporary Luxury Zone
Contemporary Luxury Zone

Mercedes me connect

“และนอกจากยนตรกรรมหรูที่เรานำเสนอในครั้งนี้แล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังมีความภาคภูมิใจที่จะนำเสนอบริการ ‘Mercedes me connect’ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการภายใต้แบรนด์ ‘Mercedes me’

ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รองรับทั้งสมาร์ทโฟนในระบบ Android และ iOS มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ รวมถึงการบริการอื่น ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยเทคโนโลยีนี้ มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมาย อาทิ

  • Vehicle status ที่จะบอกสถานะความพร้อมของอะไหล่รถยนต์ และคอยประสานงานแจ้งเตือนทั้งทางลูกค้าและโชว์รูม
  • Accident Recovery and break down management ปุ่มรูปโทรศัพท์ เพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว ทั้งในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เหตุฉุกเฉิน รถเสีย หรือ สอบถามข้อมูลทั่วไปผ่านคอลเซ็นเตอร์
  • Remote Service ฟังก์ชันที่ช่วยให้การใช้รถของคุณสะดวกสบายมากขึ้น โดยคุณสามารถเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศทำความเย็นล่วงหน้า สตาร์ทรถ หรือแม้แต่เปิด-ปิดประตูรถจากระยะไกล

โดยภายในงาน เราจะมีการจัดแสดงการทำงานของแอปพลิเคชั่นไว้ในรถยนต์ E-Class Coupé ให้ทุกท่านได้เห็นถึงความก้าวล้ำของแอปพลิเคชั่นนี้ด้วย” มร.ฟรังค์ กล่าวปิดท้าย

Mercedes-AMG Zone
Mercedes-AMG Zone

สุดยอดยนตรกรรมรวมทั้งสิ้นกว่า 29 คัน ครบครันในทุกเซ็กเมนต์

นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้เตรียมขนขบวนสุดยอดยนตรกรรมรวมทั้งสิ้นกว่า 29 คัน ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ อาทิ

  • CLA 200
  • CLS 300 d AMG Premium
  • GLC 250 d 4MATIC
  • Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé
  • Mercedes-Maybach S 560
Mercedes-AMG Zone
Mercedes-AMG Zone

พร้อมจุดบริการลูกค้า และบริการหลังการขายเพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงข้อเสนอพิเศษ อาทิ iPhone XS Max 256 GB มูลค่า 49,900 บาท จำนวนจำกัด สำหรับลูกค้าที่รับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ 10 รุ่นที่ร่วมรายการ อย่าง

  • GLA 200 Urban
  • GLA 250 AMG Dynamic
  • E 350 e Avantgarde
  • E 350 e Exclusive
  • E 350 e AMG Dynamic
  • GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD
  • GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic
  • GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus
  • S 350 d Exclusive
  • S 350 d AMG Dynamic

ในระหว่างวันที่ 7 มีนาคม – 30 เมษายน 2562

Mercedes Maybach
Mercedes-Maybach

ข้อเสนอพิเศษร่วมกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง อาทิ

  • อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับสัญญาเช่าซื้อระยะเวลา 48 เดือน เงินดาวน์ขั้นต่ำ 25% สำหรับลูกค้าที่ออกรถยนต์รุ่น GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD หรือ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic
  • อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับสัญญาเช่าซื้อระยะเวลา 48 เดือน เงินดาวน์ขั้นต่ำ 25% สำหรับลูกค้าที่ออกรถยนต์ E 350 e Avantgarde, E 350 e Exclusive และ E 350 e AMG Dynamic พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection เป็นระยะเวลา 1 ปี และแพ็คเกจ MBSP Excellent นาน 4 ปี
  • แคมเปญส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาแบบมายสตาร์ (mySTAR) และเช่าทางการเงิน (Finance Lease) กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง จะได้รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection เป็นระยะเวลา 1 ปี

โดยแคมเปญส่งเสริมการขายข้างต้นสำหรับลูกค้าที่รับมอบรถยนต์และเริ่มต้นสัญญาภายในวันที่ 30 เมษายน 2562

SUV Zone
SUV Zone

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Mercedes-Benz S-Class

ดีไซน์ภายนอกของ The S 560 e AMG Premium หรูหราทันสมัยด้วยกระจังหน้าแบบ 3 ก้าน มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด

พร้อมฟังก์ชัน ULTRA RANGE Highbeam ที่สามารถปรับความสว่างและความยาวของลำแสงไฟหน้าให้ส่องได้ไกลกว่า 650 เมตรโดยอัตโนมัติ

SUV Zone
SUV Zone

พร้อมเสริมความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้างจาก AMG และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว สีไทเทเนี่ยมเกรย์

ดีไซน์ภายใน และห้องโดยสาร มอบที่สุดแห่งความสะดวกสบาย ด้วยระบบ ENERGIZING Comfort Control เทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายร่างกายและอารมณ์ในระหว่างการเดินทางเพียงแค่การ ‘กดปุ่ม’

Mercedes Benz Bangkok International Motor Show 2019
Mercedes-Benz_Bangkok International Motor Show 2019

เพื่อควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่น ระบบปรับอากาศ ระบบฉีดน้ำหอม ระบบฟอกอากาศ ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Premium Ambient Light) เสียงดนตรี

ฟังก์ชันระบายอากาศและอุ่นที่นั่ง พร้อมระบบนวดสำหรับเบาะคู่หลัง โดยผู้โดยสารสามารถเลือกโปรแกรมผ่อนคลายได้ 4 แบบ คือ

  1. Refresh
  2. Vitality
  3. Warmth
  4. Joy
Mercedes-Benz E 220 Coupe
Mercedes-Benz E 220 Coupe

โดย The S 560 e AMG Premium จะมาพร้อมกับเบาะนั่งคู่หน้าและคู่หลังหุ้มหนัง Exclusive nappa ที่สามารถปรับเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังฝั่งซ้ายให้เอนนอนได้ถึง 43.5 องศา

พร้อมที่รองขาแบบปรับระดับได้ ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย พร้อม Apple Carplay™ และ Android Auto

สำหรับเทคโนโลยี และระบบความปลอดภัย อาทิ

  • ะบบ Active Distance Assist DISTRONIC ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า ทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกระจังหน้า และกล้อง STEREO CAMERA ที่ติดตั้งอยู่บนกระจกบังลมหน้า ในการคำนวณระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถ คันหน้าที่สัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้นโดยการเพิ่ม และลดความเร็วของรถโดยอัตโนมัติ
  • ระบบ Active Blind Spot Assist เทคโนโลยีที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนกับรถยนต์หรือจักรยานยนต์ที่อยู่ในจุดอับสายตาในขณะที่กำลังจะเปลี่ยนช่องจราจร
  • ระบบ Active Lane Keeping Assist ระบบที่ช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนช่องจราจรโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งระบบนี้จะทำงานโดยการใช้สัญญาณเรดาร์ ในการตรวจจับช่องจราจรและรถยนต์ที่อยู่ในช่องจราจรอื่น หากระบบตรวจพบความเสี่ยงที่จะชนกับรถยนต์คันอื่น ระบบจะช่วยดึงรถกลับเข้าสู่ช่องจราจรเดิมโดยอัตโนมัติด้วยการเบรกล้อฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับรถยนต์ที่ตรวจจับได้
  • ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® PLUS ระบบนี้ทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ตรวจจับรถที่วิ่งอยู่ด้านหลัง หากเรดาร์ตรวจพบรถยนต์จากด้านหลังที่วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วซึ่งเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ไฟกะพริบฉุกเฉินจะกะพริบด้วยความถี่ที่มากกว่าปกติเพื่อเตือนผู้ขับขี่รถคันหลัง หลังจากนั้นระบบจะรัดเข็มขัดให้กระชับขึ้น ระบบเบรกจะล็อคล้อทั้งสี่ไว้ให้อยู่กับที่ พร้อมปรับพนักพิงศีรษะให้ชิดกับศีรษะ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บบริเวณต้นคอ หากมีการชนท้ายเกิดขึ้น
  • ระบบ Active Braking Assist และฟังก์ชัน Cross-Traffic เทคโนโลยีที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถยนต์คันอื่น หรือ คนเดินถนนในบริเวณทางแยก โดยสัญญาณเรดาร์ที่ติดอยู่บริเวณกันชนด้านหน้า และกล้อง MPC จะตรวจจับเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการชน และจะส่งเสียงเตือนคุณให้เบรก หากคุณตอบสนอง ระบบจะช่วยเพิ่มกำลังเบรกไปจนเต็มประสิทธิภาพ แต่หากไม่มีการตอบสนอง ระบบจะช่วยเบรกอัตโนมัติตามแต่ละสถานการณ์ นอกจากนี้ในกรณีที่ระบบไม่สามารถหลบหลีกวัตถุด้านหน้าได้ทันระบบจะช่วยลดความเร็วลง เพื่อช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ
  • ระบบ Evasive Steering Assist ระบบช่วยหลบหลีกการชนจากด้านหน้า โดยสัญญาณเรดาร์ และกล้อง STEREO CAMERA ของรถยนต์จะช่วยตรวจจับคน และสิ่งของที่จะก่อให้เกิดอันตราย โดยระบบจะเตือนให้คุณตอบสนอง และหักหลบสิ่งกีดขวางด้วยตนเองเท่านั้น พร้อมช่วยส่งแรงบิดที่เหมาะสมในการหักหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบ Active Emergency Stop Assist ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่มีการตอบสนองต่อการขับขี่เป็นเวลานาน เช่น คนขับหลับในหรือหมดสติ และระบบตรวจจับได้ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวของพวงมาลัยเลย ระบบจะส่งสัญญาณเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่กลับมาประคองพวงมาลัยรถ แต่ถ้ายังไม่มีการตอบสนองจากผู้ขับขี่ ระบบจะค่อย ๆ หยุดรถอัตโนมัติในช่องจราจรนั้น พร้อมกับเปิดระบบไฟกระพริบฉุกเฉิน
  • ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist) ทั้งการจอดแบบขนาน และการจอดแบบเข้าซอง โดยกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา จะแสดงภาพบริเวณรอบคันรถในจอแสดงผล รวมถึงภาพจากมุมสูง จึงช่วยให้เห็นสิ่งกีดขวางรอบคันรถ ทั้งนี้ระบบจะส่งสัญญาณเตือนทั้งภาพ และเสียง ในขณะที่กำลังจอดรถด้วยความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. โดยเป็นการประสานการทำงานของระบบ Active Steering ระบบ Speed Control และระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ แม้ในที่จำกัดหรือในกรณีที่ต้องขยับรถหลายครั้ง พร้อมเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยระบบ Drive Away Assist ที่ส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจจับความเสี่ยงต่อการชนในขณะที่เหยียบคันเร่งหรือเบรกสลับกัน หรือ เมื่อผู้ขับขี่เข้าเกียร์ไม่ถูกต้อง
Mercedes-Benz_Bangkok International Motor Show 2019
Mercedes-Benz_Bangkok International Motor Show 2019

Mercedes-Benz S-Class ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่ประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจากเจนเนอเรชั่นก่อนหน้าได้สูงสุดถึง 60%

เมอร์เซเดส-เบนซ์ใช้เซลล์แบตเตอรี่รุ่นใหม่ซึ่งเป็นส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) ทั้งนี้ ระบบแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ตระกูลเอส-คลาสรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ผลิต

โดยบริษัทดอยช์ แอกคิวโมทีฟ (DeutscheACCUMOTIVE) บริษัทลูกของกลุ่มบริษัทเดมเลอร์ทั้งหมด โดยขนาดของแบตเตอรี่นั้นมีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อนหน้าและประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิมประมาณร้อยละ 50

หากใช้เครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์บอกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุด ผู้เป็นเจ้าของจะประจุไฟฟ้าจากความจุร้อยละ 10 จนเต็มได้ในเวลาประมาณ 90 นาที (ในสภาวะปกติ) และประมาณ 5 ชั่วโมงหากประจุไฟฟ้าโดยใช้กำลังไฟฟ้าจากเต้ารับทั่วไปตามบ้าน

Mercedes-Benz S 560 e AMG Premium
Mercedes-Benz S 560 e AMG Premium

Mercedes-Benz S 560 e AMG Premium

Mercedes-Benz S 560 e AMG Premium มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะแบบใหม่ (9G-TRONIC) ที่ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงลงกว่าเดิมถึง 6.5% อีกทั้งยังช่วยให้การขับเคลื่อนมีความนุ่มนวลมากขึ้น ลดเสียงรบกวนได้ดียิ่งขึ้น

และช่วยให้สามารถลดระดับเกียร์ลงได้หลายระดับในกรณีที่ต้องการเร่งแซงอย่างรวดเร็ว โดย S 560 e นั้น สามารถรักษาระดับของระบบช่วงล่างให้มีความสมดุลย์ได้ตลอดการเดินทางแม้ว่าจะมีผู้โดยสารหรือสัมภาระจำนวนมาก

Mercedes-Benz S 560 e AMG Premium
Mercedes-Benz S 560 e AMG Premium

เนื่องจากรถยนต์รุ่นนี้มีระบบปรับระดับช่วงล่างที่ทำงานโดยใช้กลไกการอัดหรือระบายอากาศ ทั้งนี้ ระบบสามารถยกความสูงของตัวรถเพิ่มได้ 30 มิลลิเมตร

เพื่อให้ตัวรถสูงพ้นจากพื้นถนนมากเพียงพอ และเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบจะปรับลดความสูงของตัวรถลง 20 มิลลิเมตรโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้รถลู่ลมยิ่งขึ้นและเสริมเสถียรภาพในการขับขี่

  • รุ่น:  S 560 e AMG Premium
  • เครื่องยนต์:  เบนซิน V6 พร้อมเทอร์โบคู่และอินเตอร์คูลเลอร์
  • ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี):  2,996
  • แรงม้าสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที):  367/5,500-6,000
  • แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่อนาที):  500/1,800-4,500
  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.(วินาที):  5.0
  • ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ (กม./ชม.):  250

The S 560 e AMG Premium รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 6,999,000 บาท

Ambience Ambience Ambience Ambience

ติดตามข้อมูลข่าวสารของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ที่

บทสรุป

Mercedes-Benz S 560 e AMG Premium
Mercedes-Benz S 560 e AMG Premium

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งมั่นนำเสนอยนตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกท่าน เปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เจนเนอเรชั่นที่ 3

ภายใต้แบรนด์ EQ อย่าง “Mercedes-Benz S 560 e” ซาลูนหรูรุ่นประกอบในประเทศที่สามารถขับเคลื่อนโดยใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลกว่าเจนเนอเรชั่นที่แล้วสูงสุดถึง 60%

จากการผสานกำลังของเครื่องยนต์เบนซินวี 6 ที่มีกำลัง 367 แรงม้า (270 กิโลวัตต์) และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบอีคิวพาวเวอร์ที่ให้กำลัง 90 กิโลวัตต์ พร้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมที่ต่ำกว่า 50 กรัมต่อกิโลเมตร

โดยภายในงานยังมีการขนทัพยนตรกรรมหรูกว่า 29 คัน ครบครันในทุกเซ็กเมนต์มาจัดแสดงภายในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 40” ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2562 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี

Check Also

50 Years of Turbo

พบกับปอร์เช่ที่งาน Retro Classic ในเมืองสตุ๊ทการ์ท ประเทศเยอรมนี ที่มาในธีม “เหนือกว่าสมรรถนะ – 50 ปีของปอร์เช่ เทอร์โบ” ณ งานนิทรรศการ การแสดงสินค้าในวันที่ 25 ถึง 28 เมษายน 2024

งาน Retro Classics ที่เมืองสตุ๊ทการ์ท ประเทศเยอรมนี เป็นงานที่รวมพลกลุ่มผู้ชื่นชอบรถคลาสสิกและรถสปอร์ตจากทั่วทุกมุมโลก สำหรับปอร์เช่ งานนี้ ไม่ได้เป็นเพียงงานแสดงสินค้าทั่วไป แต่ยังเป็นงานประจำปีที่พลาดไม่ได้ โดยงานจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน ถึงวันอาทิตย์ที่ 28 …