Breaking News

THE 8 นวัตกรรมยานยนต์สุดพรีเมียมใหม่ล่าสุด ในงาน Motor Expo 2018

THE 8 นวัตกรรมยานยนต์สุดพรีเมียมใหม่ล่าสุด โดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เผยโฉมในงาน Motor Expo 2018 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี

THE 8 นวัตกรรมยานยนต์สุดพรีเมียมใหม่ล่าสุด ในงาน Motor Expo 2018

ผู้บริหารร่วมถ่ายรูปหมู่

ในภาพจากซ้าย

  • คุณประพงษ์ ไม้เจริญ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการปฏิบัติการทั่วไป งานมหกรรมยานยนต์
  • มร.มาร์คุส เกลเซอร์ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย
  • มร. บียอร์น แอนทอนส์สัน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย
  • คุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์
  • มิสฮิลเดอการ์ด วอร์ทมานน์ รองประธานอาวุโส ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
  • คุณชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้ควบคุมงานด้านการตลาดสัมพันธ์ งานมหกรรมยานยนต์
  • มร. ลาร์ส นีลเซ่น ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย
  • คุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไป งานมหกรรมยานยนต์

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ขนทัพนวัตกรรมยานยนต์ระดับพรีเมียมใหม่ล่าสุด ครบทั้งสามแบรนด์จากบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พร้อมข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย

BMW M850i xDrive Coupe

THE 8-นวัตกรรมยานยนต์สุดพรีเมียมใหม่ล่าสุด-บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย-motor expo 2018-1.jpg
BMW M850i xDrive Coupe

ดีไซน์รูปแบบใหม่อันทรงพลัง กับรูปทรงที่ลาดต่ำ เน้นย้ำถึงความแกร่งด้วยเส้นสายและโค้งเว้าอันสง่างาม ทั้งที่บริเวณกระโปรงหน้าและตลอดแนวตัวถัง เอกลักษณ์กระจังหน้าทรงไตคู่ของบีเอ็มดับเบิลยูมาในขนาดใหญ่ขึ้น ช่วงล่างของกระจังหน้ากว้างออกเพื่อเน้นย้ำถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของตัวรถ ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ทั้งสองข้างช่วยเสริมสมรรถนะด้านแอโรไดนามิกส์ของตัวรถ คู่ไปกับสปอยเลอร์หน้าที่ทำหน้าที่ลดแรงยกบริเวณเพลาหน้า

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมไฟหน้า LED ที่ติดตั้งระบบ BMW Laserlight ในรูปทรงที่เล็กเรียวกว่าไฟหน้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นอื่น ๆ โดยไฟหลักทั้งสองดวงนำมาใช้งานได้ทั้งสำหรับไฟขับขี่ในเวลากลางวัน (daytime driving lights) และการควบคุมไฟสูง-ต่ำแบบอัตโนมัติด้วย High-beam assistant ให้ด้านหน้าของตัวรถมีรูปลักษณ์ที่คุ้นตาในสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูในทุกช่วงเวลาของการขับขี่

ขุมพลัง เบนซิน 8 สูบ ขนาด 4.4 ลิตร ส่งกำลังสูงสุด 390 กิโลวัตต์/530 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 4,600 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.7 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

โครงสร้างตัวถัง เทคโนโลยีการขับขี่ และระบบช่วงล่าง ได้รับการออกแบบมาเพื่อสมรรถนะการขับเคลื่อนชั้นเลิศ ที่พบได้เพียงจากรถสปอร์ตระดับแถวหน้าอย่างบีเอ็มดับเบิลยู M8 และบีเอ็มดับเบิลยู M8 GTE ที่เป็นรถแข่ง Endurance เท่านั้น สปอร์ตคูเป้รุ่นใหม่นี้ มาพร้อมการกระจายน้ำหนักอย่างสมมาตร พร้อมโครงสร้างตัวถังและระบบขับเคลื่อนทำจากวัสดุอะลูมิเนียม แมกนีเซียม และคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีคุณสมบัติความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบาพิเศษ

พร้อมระบบ Driving Experience Control เพิ่มความสนุกสนานให้แก่การขับขี่ด้วยโหมด ADAPTIVE พร้อมรองรับการตั้งค่าขับขี่ในโหมด COMFORT และ ECO Pro หรือโหมด SPORT และ SPORT+ ให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ในเมืองได้อย่างคล่องตัว หรือโลดแล่นในระยะไกลได้อย่างราบรื่น

และด้วยชุดแต่ง M Performance ยังโดดเด่นด้วยจิตวิญญาณของมอเตอร์สปอร์ต ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่างแบบ Adaptive M Suspension Professional สปอยเลอร์หลังแบบ M ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาลาย Y-spoke ขนาด 20 นิ้ว พวงมาลัยหนังมัลติฟังก์ชั่น M พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ เสริมลุคสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่งภายนอกสีดำเงา

ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยสแตนเลสสตีล และผลึกแก้ว ‘CraftedClarity’ รวมถึงไฟบริเวณขอบประตูที่ส่องสว่างด้วยเอกลักษณ์ชื่อรุ่น สง่างามด้วยการดีไซน์ และคัดเลือกวัสดุคุณภาพพรีเมียมที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อความพึงพอใจของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร การออกแบบแผงหน้าปัดตอกย้ำถึงการมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ขับขี่ ขณะที่ผลึกแก้วที่ตกแต่งบริเวณคันเกียร์พร้อมสัญลักษณ์เลข 8 ปุ่ม iDrive ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และปุ่มควบคุมเสียง ล้วนเสริมบรรยากาศความหรูหราอย่างลงตัว

นอกจากนี้ ตัวรถยังมาพร้อมเบาะหน้า-หลังแบบใหม่ในสไตล์สปอร์ต หุ้มด้วยหนังแท้ Merino พร้อมด้วยตำแหน่งของที่นั่งที่มีระดับต่ำลง จึงสามารถมอบความสะดวกสบายได้โดยปราศจากที่รองศีรษะ พร้อมด้วยระบบ Parking Assistant Plus และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ล้ำสมัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับรถและคนเดินถนนด้วยความเร็วต่ำ (Person Warning with City Braking Function)
  • ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนด้านหลัง (Rear-collision prevention)
  • ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร (Lane Departure Warning)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา (Blind spot detection)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง (Crossing-traffic warning rear)
  • ระบบเตือนป้ายจราจร (Speed limit info and no-overtaking indicator)

ซึ่งรถยนต์สปอร์ตคูเป้รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ ยังแสดงผลด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลเต็มรูปแบบ และหน้าจอ Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว รวมถึง BMW Head-Up Display เวอร์ชั่นล่าสุด ฉายภาพขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 16% ในรูปแบบสามมิติ
นอกจากนี้ ยังเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดจาก BMW ConnectedDrive ระบบ iDrive ใหม่ล่าสุด และ BMW Gesture Control ซึ่งติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐานเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่

ราคาจำหน่าย: 12,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

รถยนต์ต้นแบบ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี

THE 8-นวัตกรรมยานยนต์สุดพรีเมียมใหม่ล่าสุด-บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย-motor expo 2018-2.jpg
รถยนต์ต้นแบบ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี

จากชัยชนะในการแข่งขันมอนติคาร์โล แรลลี เมื่อปี พ.ศ. 2510 สู่แรงบันดาลใจเบื้องหลังแนวคิดของรถยนต์ต้นแบบ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ที่สะท้อนถึงความปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว และหัวใจของโลกมอเตอร์สปอร์ตอย่างแท้จริงในสไตล์มินิ โดยถือเป็นการสานต่อตำนานของมินิตัวแรงหลายรุ่น อย่าง มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี รุ่นปี 2012 และ มินิ คูเปอร์ เอส รุ่นปี 2006 ที่มาพร้อมชุดแต่งจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี

มาในสีดำ Black Jack Anthracite ที่เหลือบเป็นประกายสลับสีเทาและดำ ตัดกับสีแดง Curbside Red และสีส้ม High Speed Orange เพิ่มความร้อนแรงและ​​เน้นให้เห็นดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวของตัวรถ

โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยความกว้างของลิ้นหน้าทรงกวาดพื้นขนาดใหญ่ กระจังรังผึ้งด้านหน้า และกันชนหลัง พ่วงด้วยสเกิร์ตด้านข้างและสปอยเลอร์บนหลังคา การใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีคุณสมบัติความแข็งแกร่ง และน้ำหนักเบาพิเศษทำให้รถมีน้ำหนักเบาและมีการกระจายน้ำหนักที่สมดุล ให้ความแรงลู่ลมในสไตล์รถแข่งโกคาร์ทแบบฉบับมินิที่แท้จริง

สำหรับดีไซน์ในส่วนท้ายรถ ผสมผสานความงดงามและความแข็งแกร่งเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยท่อไอเสียคู่ติดตั้งตรงกลางกันชน สะท้อนดีเอ็นเอรถแข่งตามแบบฉบับของ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แถมเพิ่มเสน่ห์ในสไตล์อังกฤษด้วยไฟท้ายที่มาในดีไซน์ธงยูเนียนแจ็คครึ่งผืน ตอกย้ำถึงความเป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษ ได้อย่างมีสไตล์

ส่วนการตกแต่งภายในนั้นเน้นความเรียบง่าย เน้นการขับขี่ในสนามแข่งโดยเฉพาะ โดยผสมผสานดีไซน์สปอร์ตเข้ากับรายละเอียดต่าง ๆ ที่โดดเด่น ตัดด้วยสีสันสะดุดตา ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีขาวตัดด้วยหนังสีดำดุดันจากเบาะรองศีรษะ และเบาะที่นั่งกระชับลำตัว ติดตั้งโรลเคจ นิรภัยอลูมิเนียม แผงหน้าปัดสีดำ และระบบควบคุมแบบดิจิทัลในดีไซน์สะอาดตาบนหน้าจอขนาดใหญ่กลางแผงคอนโซลรถ ที่พร้อมให้ผู้ขับขี่ปรับแต่งเพิ่มเติมได้ตามใจชอบ

รถยนมินิ แฮทช์ 3 ประตู และ 5 ประตู Oxford Edition

THE 8-นวัตกรรมยานยนต์สุดพรีเมียมใหม่ล่าสุด-บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย-motor expo 2018-3.jpg
มินิ แฮทช์ Oxford Edition

มินิรุ่นพิเศษที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 60 คันเท่านั้น โดยมาพร้อมเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากรุ่นปกติมากมาย นับตั้งแต่ตัวถังสีแดง Pure Burgundy ตัดด้วยหลังคาสีดำและกระจกมองข้างสี Melting Silver มีลูกเล่นรอบคันด้วยอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นล้ออัลลอยลายขนาด 17 นิ้ว สีดำลาย Cosmos Spoke สะดุดตาด้วยสติ๊กเกอร์ลายทางคู่อันเป็นเอกลักษณ์ที่บริเวณด้านหน้ารถ ด้านหลังรถ และมือจับประตู ส่วนฝาปิดถังน้ำมัน กรอบไฟหน้าหลัง ดุดันด้วยสี Piano Black ทำให้ตัวรถโดยรวมมีความสปอร์ตเร้าใจในสไตล์มินิ ขณะที่ไฟท้ายยังโดดเด่นด้วยรูปทรงและเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียนแจ็ค สะท้อนความเป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษอย่างแท้จริง

เป็นครั้งแรกของมินิในการนำเทคโนโลยี 3D Printing มาใช้เสริมสร้างรถยนต์รุ่นนี้ให้มีเอกลักษณ์แตกต่างมากยิ่งขึ้น โดยบริเวณแถบด้านข้างจะประทับชื่อรุ่น ‘OXFORD’ ไว้อย่างเด่นชัด ส่วนภายในของตัวรถ ถือว่าตอกย้ำคาแรคเตอร์ในสไตล์อังกฤษด้วยไฟเรืองแสงลายธงยูเนียนแจ็คบริเวณคอนโซลด้านหน้า แถมเบาะนั่งและพวงมาลัยก็ตกแต่งด้วยลายธงยูเนียนแจ็คเช่นเดียวกัน

ขุมพลังเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบส่งกำลังด้วยคันเกียร์ที่เป็นระบบไฟฟ้า เกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 สปีด คลัตช์คู่ (Double Clutch Transmission) ที่มอบจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและไหลลื่นยิ่งขึ้น เร่งความเร็วได้ทันใจ รวมถึงมีอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มากขึ้นกว่าเดิม และระบบช่วงล่างแบบ Adaptive ที่รองรับแรงกระแทกและเพิ่มความนุ่มนวล ทำให้ขับขี่ได้คล่องตัวและพร้อมตอบสนองความท้าทายทุกโจทย์บนท้องถนน

มาพร้อมกับระบบแสดงผลด้วยจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้วที่อยู่บริเวณกลางแผงคอนโซลรถ พร้อมระบบนำทางเชื่อมต่อกับกล้องมองหลัง ทำให้การจอดเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยขึ้น และรองรับเทคโนโลยี MINI Connected ที่จะเชื่อมต่อฟังก์ชั่นต่าง ๆ บนรถยนต์กับสมาร์ทโฟนได้อย่างไร้รอยต่อ

  • มินิ แฮทช์ 3 ประตู คูเปอร์ เอส ราคาจำหน่าย: 2,819,999 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
  • มินิ แฮทช์ 5 ประตู คูเปอร์ เอส ราคาจำหน่าย: 2,859,999 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)ต์มินิ แฮทช์ Oxford Edition 3 ประตูและ 5 ประตู

BMW F 850 GS

THE 8-นวัตกรรมยานยนต์สุดพรีเมียมใหม่ล่าสุด-บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย-motor expo 2018-4.jpg
BMW F 850 GS

BMW C 400 X

THE 8-นวัตกรรมยานยนต์สุดพรีเมียมใหม่ล่าสุด-บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย-motor expo 2018-5.jpg
BMW C 400 X

BMW X5 xDrive30d M Sport

THE 8-นวัตกรรมยานยนต์สุดพรีเมียมใหม่ล่าสุด-บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย-motor expo 2018-6.jpg
BMW X5 xDrive30d M Sport

รถยนต์ในกลุ่ม Sports Activity Vehicle โดดเด่นด้วยการผสมผสานสมรรถนะ และความสะดวกสบายอย่างเหนือระดับ ดีไซน์ใหม่ที่เรียบหรูยิ่งขึ้น ด้วยพื้นผิวตัวถังที่ราบเรียบ ตัดกับเส้นสายที่เฉียบคมและดุดัน เพิ่มลุคสง่างาม

ตัวรถยังมีขนาดใหญ่ขึ้น ยาว 4,922 มิลลิเมตร กว้าง 2,004 มิลลิเมตร และสูง 1,745 มิลลิเมตร ให้ความรู้สึกโปร่งสบายแก่ผู้โดยสาร พร้อมปริมาตรในการบรรจุของ 650-1,870 ลิตร

ปราดเปรียวยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics เสริมลุคสปอร์ตด้วยขอบหน้าต่าง และราวหลังคาสีดำเงา กระจังหน้าทรงไตคู่ที่มีผิวอลูมิเนียมแบบด้าน พร้อมให้ความรู้สึกทรงพลังด้วยชุดเบรกและช่วงล่างแบบ M Sport และล้ออัลลอย M ขนาด 22 นิ้ว ลาย Double-spoke เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic ทำงานคู่กับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ

เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ขับเคลื่อนบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ด้วยกำลังสูงสุด 195 กิโลวัตต์ / 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตรที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อบีเอ็มดับเบิลยู xDrive เจเนอเรชั่นล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนากำลังขับเคลื่อน และควบคุมการทรงตัวได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการถ่ายแรงขับเคลื่อนอย่างนุ่มนวลระหว่างล้อหลังทั้งสองข้างบนเส้นทางออนโรดและออฟโรด ช่วงล่างแบบ Adaptive M ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Dynamic Traction Control) ระบบ Driving Experience Control สำหรับเลือกรูปแบบการขับขี่พร้อมโหมด ECO PRO และระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control) เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่บนเส้นทางออฟโรด พร้อมมอบความสปอร์ตคล่องตัวและความสะดวกสบายได้ตลอดเส้นทาง

ภายในห้องโดยสาร มอบความรู้สึกหรูหราและมีระดับ ด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม ดีไซน์ที่ลงตัว และระบบการควบคุมที่ล้ำสมัย แผงหน้าปัดดิจิทัลและจอ Control Display ได้รับการออกแบบทั้งกราฟฟิค และดีไซน์มาให้สอดรับกัน พร้อมด้วยเบาะนั่งหนังแท้ Dakota และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ M Sport หลังคากระจกแบบ Panorama ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเก่า 30%

รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย เบาะหลังพับได้แบบ 40 : 20 : 40 รองรับปริมาตรการบรรจุของตั้งแต่ 645 ลิตรถึง 1,870 ลิตร พร้อมประตูท้ายที่สามารถแยกเปิดสองส่วนเพื่อให้สะดวกต่อการขนย้ายสัมภาระ ซึ่งสามารถเปิดปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัย เช่น

  • ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ Parking Assistant Plus มาพร้อมกับกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera รวมทั้งวิวด้านบน วิวพาโนรามิค และรีโมท 3D วิวที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อเพื่อดูภาพของรถที่จอดทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ ผ่านระบบ BMW ConnectedDrive
  • ระบบ Driving Experience Control เลือกรูปแบบการขับขี่พร้อม ECO PRO ที่ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานในบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่

อีกหนึ่งความพิเศษของ Sports Activity Vehicle รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ คือ

ระบบ BMW Live Cockpit Professional ที่โดดเด่นด้วยจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครัน ส่วน BMW Head-Up Display เจเนอเรชั่นล่าสุด ขนาด 7×3.5 นิ้ว สามารถแสดงภาพกราฟฟิกสามมิติได้ ขณะที่ระบบควบคุมผ่าน iDrive, BMW Gesture Control และจอ Control Display ระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ก็ยังเป็นทางเลือกเพื่อมอบที่สุดแห่งความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่

นอกจากนี้ ยังมาพร้อม BMW ConnectedDrive มอบบริการการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัดระหว่างยานยนต์และผู้ขับขี่

ยังไม่ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ

BMW M2 Competition

THE 8-นวัตกรรมยานยนต์สุดพรีเมียมใหม่ล่าสุด-บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย-motor expo 2018-7.jpg
BMW M2 Competition

ขุมพลัง เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3 ลิตรพร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งพลังสูงสุด 302 กิโลวัตต์/410 แรงม้า ที่ 5,230 – 7,000 รอบต่อนาที เพิ่มขึ้นจาก M2 Coupe ถึง 40 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 465 นิวตันเมตร เป็น 550 นิวตันเมตร ที่ 2,350 – 5,230 รอบต่อนาที โลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.2 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำงานเข้าจังหวะกับเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ พร้อม Drivelogic และระบบระบายความร้อนที่ได้รับการพัฒนาให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยรักษาระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมได้

สีตัวถังใหม่ล่าสุด Metallic Hockenheim Silver มุมมองด้านหน้าของตัวรถดุดันยิ่งขึ้นด้วยช่องดักอากาศขนาดใหญ่ และกระจังหน้าทรงไตคู่แบบสองซี่สีดำเงา เพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศ และการทำงานของเครื่องยนต์ กระโปรงหน้าได้รับการออกแบบเพื่อพัฒนาอากาศพลศาสตร์ และเน้นย้ำถึงมิติความกว้างของตัวรถ กระจกข้างแบบก้านคู่ให้ลุคเอ็กซ์คลูซีฟยิ่งขึ้น รับกับล้ออัลลอยสไตล์ M ขนาด 19 นิ้วสีดำลาย Y-spoke เสริมลุคสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยท่อไอเสียแบบคู่ควบคุมวาล์วด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์

ดีไซน์ภายใน มุ่งเน้นความพรีเมียม และความสะดวกสบายด้วยเบาะที่นั่งสปอร์ตหนังแท้ Dakota แบบใหม่ พร้อมที่หนุนหลังปรับไฟฟ้าและที่รองศีรษะในตัว มอบบรรยากาศเร้าใจจากชุดแต่งภายในด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และเข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ระบบความบันเทิงและการสื่อสารล้ำสมัยด้วยจอ Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมระบบ iDrive และการเชื่อมต่อแห่งอนาคตจาก BMW ConnectedDrive รวมถึงแท่นชาร์จไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟน

ราคาจำหน่าย: 6,299,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

BMW M4 Convertible Edition 30 Years

THE 8-นวัตกรรมยานยนต์สุดพรีเมียมใหม่ล่าสุด-บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย-motor expo 2018-8.jpg
BMW M4 Convertible Edition 30 Years

รุ่นพิเศษที่ผลิตมาในจำนวนจำกัดเพียง 300 คันทั่วโลก และเพียง 2 คันในประเทศไทย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสามทศวรรษแห่งความสำเร็จดังกล่าว

ขุมพลังเบนซิน 6 สูบ ส่งพละกำลังสูงสุดที่ 331 กิโลวัตต์ / 450 แรงม้า เสริมสมรรถนะความแรงเร้าใจด้วยชุดแต่ง M Competition ที่มีทั้งโหมดการขับขี่ M Drive ช่วงล่างแบบ adaptive M ที่สามารถตั้งค่าโหมด SPORT เพื่อความมันส์ในการขับขี่ และระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control) พร้อมโหมด M Dynamic (MDM)

นอกจากสมรรถนะระดับรถแข่งแล้ว ยังมีตัวถังวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) และรูปทรงสุดเพรียวลมที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ต ที่จุดประกายนำทางไปสู่การสร้างสรรค์บีเอ็มดับเบิลยู M3 Convertible รุ่นแรก โดยมี 2 สีให้เลือก ได้แก่

  • สีเหลือง Mandarin II
  • สีฟ้าเมทัลลิก Macao Blue

ขอบหน้าต่างแบบ BMW Individual High-Gloss Shadow Line กระจังหน้าทรงไตคู่ ช่องระบายอากาศด้านข้างสไตล์ M และสัญลักษณ์ชื่อรุ่น ทั้งยังพิเศษยิ่งขึ้นด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ M ขนาด 20 นิ้วลาย Star-spoke ในสี Orbit Grey ที่ได้รับการดีไซน์มาอย่างเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสำหรับรุ่นพิเศษนี้

ภายในห้องโดยสาร ทั้งเบาะนั่ง ที่วางแขน และแผงประตูบุด้วยหนังแท้ Merino พร้อมดีไซน์ภายในพิเศษในสีดำตัดฟ้า Black/Fjord Blue เข้ากันอย่างลงตัวกับสีตัวถังสีฟ้าเมทัลลิก Macao Blue และเส้นตะเข็บสีเหลืองบนพื้น และเบาะหนังแท้ Merino สีดำสำหรับตัวรถในสีเหลือง Mandarin II ขณะที่ตะเข็บบริเวณเบาะรองศีรษะ และพรมปูพื้นรถในดีไซน์ M ก็มาพร้อมกับโทนสีที่ตัดกับพื้นผิวอื่น ๆ เพื่อสร้างสีสันอย่างลงตัว พร้อมวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ภายในห้องโดยสารที่มาเป็นมาตรฐานในทุกสี

นอกจากนี้ ยังตอกย้ำความพิเศษของการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีด้วยการจารึกอักษร “30 Jahre Edition” ลงบนขอบประตูและเบาะรองศีรษะ ขณะที่แผงคอนโซลหน้ารถในฝั่งที่นั่งผู้โดยสารก็มีการสลักอักษรดังกล่าว พร้อมด้วยตัวเลข “1/300” เพื่อเน้นย้ำถึงความเอ็กซ์คลูซีฟของรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น

ราคาจำหน่าย: 8,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

BMW X3 xDrive20d xLine และBMW X3 xDrive20d M Sport

BMW X3 xDrive20d xLine
BMW X3 xDrive20d M Sport 

BNW X3 xDrive20d xLine

มาพร้อมกับล้ออัลลอยลาย Y-spoke ขนาด 19 นิ้ว ภายนอก ตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมแบบด้าน ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยไม้ลาย Fineline Anthracite พร้อมแถบโครเมียมคอนโซลด้านบนหุ้มด้วยหนัง Sensatec และเสริมบรรยากาศด้วยชุดไฟ ambient light

BMW X3 xDrive20d M Sport

มาพร้อมกับล้ออัลลอย M ลาย Double-spoke ขนาด 19 นิ้ว เสริมความสะดุดตาด้วยชุดตกแต่งรอบคันดีไซน์ M Aerodynamics และขอบหน้าต่างสีดำเงา เสริมสมรรถนะแบบสปอร์ตด้วยช่วงล่าง M Sport ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งแบบคลาสสิกหรูหราในแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยู ยกระดับความสะดวกสบายขึ้นอีกขั้นด้วยเบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับและเบาะนั่งตอนหน้าแบบ M Sport

เสริมลุคพรีเมียมด้วยการตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมพ่นลาย เพิ่มความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบ M Sport และแป้นเปลี่ยนเกียร์ ทั้งยังเสริมความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ และกล้องมองหลัง เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและแม่นยำในทุกเส้นทาง พร้อมทั้งระบบจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ในระดับสายตา (BMW Head-up Display) และระบบเสียง HiFi loudspeaker

BMW X3 xDrive20d xLine และ BMW X3 xDrive20d M Sport มาพร้อมปุ่มควบคุม iDrive และสั่งงานด้วยระบบสัมผัสจอแสดงผลภาพความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ระบบการสั่งงานอัจฉริยะ BMW Gesture Control ที่สามารถควบคุมระบบนำทางและระบบบันเทิงสื่อสาร ผ่านการเคลื่อนไหวของมือ และการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถสั่งงานโดยใช้ภาษาพูดในชีวิตประจำวันแทนที่การใช้ชุดคำสั่งที่กำหนดมา

ทั้งสองรุ่นนี้ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ดีเซลทรงพลัง 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic และเสริมด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยในรุ่น M Sport ทั้งสองรุ่นให้กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 8 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 213 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 17.6 กิโลเมตรต่อลิตร และระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ยที่ 150 กรัมต่อกิโลเมตร

  • ราคาจำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine: 3,359,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
  • ราคาจำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sport: 3,659,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

ข้อเสนอพิเศษในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35

ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่จองรถยนต์ภายในงานและมีกำหนดรับส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561 จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ดังนี้

การยกระดับโปรแกรมบำรุงรักษา BSI (BMW Service Inclusive) ยกเว้นรถบีเอ็มดับเบิลยู i

  • สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถบีเอ็มดับเบิลยูทุกรุ่น ยกเว้นบีเอ็มดับเบิลยู i เมื่อซื้อโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Ultimate จะได้รับการยกระดับจากระยะเวลาบำรุงรักษา 5 ปี / 100,000 กิโลเมตร เป็น 10 ปี / 100,000 กิโลเมตร*

การยกระดับโปรแกรมบำรุงรักษา MSI (MINI Service Inclusive)

  • สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถมินิทุกรุ่น จะได้รับการยกระดับ MSI Standard ฟรี จากระยะเวลาบำรุงรักษา 3 ปี / 60,000 กิโลเมตร เป็น 10 ปี / 100,000 กิโลเมตร**
  • สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ผ่านทาง บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม
  • รับฟรี หมวกแก๊ปจาก MINI John Cooper Works พิเศษเฉพาะผู้มาทดลองขับรถยนต์มินิเท่านั้น

*ครอบคลุมการบริการดูแลบำรุงรักษา 10 ปี / 100,000 กม. และครอบคลุมการรับประกันและสมาชิกภาพ BMW Mobility Service เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

**ครอบคลุมการบริการดูแลบำรุงรักษา 10 ปี / 100,000 กม. และครอบคลุมการรับประกันและสมาชิกภาพ MINI Mobility Service เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

Check Also

Mercedes-Benz StarFest 2024

งาน Mercedes-BenzStarFest 2024 นำทีม The new E-Class จัดเต็มข้อเสนอสุดพิเศษ วันนี้ – 5 มิถุนายน 2567

เมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทย สานต่อความคึกคักของงาน Motor Show 2024 เดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายช่วงหน้าร้อนกับงาน “Mercedes-Benz StarFest 2024” นำเสนอคอนเซปต์ “The Ultimate Experience” ยกทัพยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด …