รีวิว ลองขับ BMW X7 xDRIVE40d M SPORT รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (SAV) ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร 340 แรงม้า 700 นิวตันเมตร ราคา 6,399,000 บาท
รีวิว ลองขับ BMW X7 xDRIVE40d M SPORT รถ SAV ระดับเรือธงของ BMW
BMW X7 xDRIVE40d M SPORT SUV
เมื่อปี 2019 เราได้ขับทดสอบ X7 50d M Sport ซึ่งเป็นเกรดสูงสุดของซีรีส์นี้ไปแล้ว ส่วนคันที่คุณเห็นอยู่นี้ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่า ที่นำมาจาก X5 40d (ไม่มีจำหน่ายในไทย) จึงมีสมรรถนะไม่ฉูดฉาดเท่ากับตัวท้อปของตระกูล อย่างไรก็ตาม เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ก็นับว่าตอบสนองได้น่าประทับใจทีเดียว
ขุมพลังดีเซลเทอร์โบของ X7 40d มีความจุ 3.0 ลิตร 340 แรงม้า และ 700 นิวตันเมตร ร่วมด้วยกำลังเสริมอีก 11 แรงม้า จากมอเตอร์สตาร์ทที่ทำงานแบบ Mild Hybrid ทั้งหมดนี้ช่วยส่งตัวถังมหึมาขนาดเฉียด 2.5 ตัน ให้ทะยานจากจุดหยุดนิ่งสู่ 100 กม./ชม. ได้ใน 6.1 วินาที หรือช้ากว่า X5 อยู่ราว 0.6 วินาที
แต่ X7 40d ก็ยังนับว่าเป็นรถดีเซลที่เร็วจนน่าทึ่งอยู่ดี! เครื่องยนต์ดีเซลของ BMW ไม่เคยทำให้เราผิดหวังสักครั้ง เช่นเดียวกับคราวนี้ ความไม่ธรรมดาอยู่ที่มันสามารถปั่นขึ้นไปได้ถึง 5,000 รอบ/นาที ในขณะที่เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ส่วนใหญ่ทำได้ราว 4,000-4,500 รอบ/นาที
นอกจากนั้น ยังมีอาวุธลับเป็นชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ที่จัดสรรอัตราทดมาอย่างลงตัว ทำให้ X7 มีช่วงกำลังกว้าง จึงเร่งได้ทันใจในทุกย่านความเร็ว จนคุณลืมเรื่องน้ำหนักมหาศาลของมันไปเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินทางไกลอยู่บนถนนนอกเมือง SUV ระดับ Flagship ของ BMW คันนี้
วิ่งไปข้างหน้าอย่างมีชีวิตชีวาด้วยการตอบสนองได้ตามสั่ง บวกกับช่วงล่างถุงลมที่ให้ความนุ่มนวลสูงและห้องโดยสารที่เงียบกริบจนคุณได้ยินเสียงพัดลมแอร์ดังกว่าเสียงลมปะทะตัวถังภายนอก ส่งให้ X7 เป็นพาหนะที่ดีที่สุดคันหนึ่งสำหรับการเดินทางไกล
ถึงเป็นรถแบบ SUV ทว่าช่วงล่างของ X7 ได้รับการปรับแต่งด้วยการขับทดสอบในสนาม Nürburgring ผลลัพธ์ที่ได้จะเผยให้เห็นเมื่อคุณนำรถร่ายรำไปตามเส้นทางคดเคี้ยว… จากโค้งสู่โค้ง คุณจะสัมผัสได้ถึงแรงยึดเกาะอันน่าทึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับความสูงและน้ำหนักของรถ การเอียงตัวอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบ Executive Drive Pro ซึ่งปกติต้องสั่งติดตั้งเพิ่มเติม (ในบางประเทศ)
แต่ BMW ประเทศไทย ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยระบบจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามาหมุนสวนทางกับการเอียงตัวของรถฝั่งนั้นๆ เพื่อลดการเอียงตัวลง ซึ่งไม่เพียงแค่เพิ่มการทรงตัวที่มั่นคงเท่านั้น แต่ยังเพิ่มการยึดเกาะถนนขณะเร่งความเร็วในโค้ง ทั้งยังช่วยเพิ่มความนุ่มนวลเมื่อล้อใดล้อหนึ่งเกิดการกระแทก ด้วยการชดเชยแรงให้กับล้อฝั่งตรงข้ามได้อีกด้วย
ซอฟต์แวร์ที่ดูแลแดมเปอร์และถุงลมอย่างไม่คลาดสายตา ร่วมด้วยระบบบังคับเลี้ยวที่เฉียบคม, ขึงตึง และสื่อสารได้อย่างชัดเจน ตลอดจนการแบ่งกำลังไปทางล้อคู่หลังมากกว่า ส่งให้อาการอันเดอร์สเตียร์ลดลงและมอบสัมผัสการบังคับควบคุมที่เป็นธรรมชาติ
ทั้งหมดนี้ต้องปรบมือให้กับการทำงานอย่างสอดประสานของซอฟต์แวร์ต่างๆ ทั้งของช่วงล่าง, พวงมาลัย, ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และเฟืองท้าย นอกจากนั้น หากคุณมีเหตุให้ต้องนำพาหนะราคา 6.4 ล้านบาท คันนี้ ไปขับบนเส้นทางทุรกันดารล่ะก็ ระยะห่างใต้ท้องรถ 221 มม. บวกด้วยช่วงล่างที่ยกตัวขึ้นได้อีก 40 มม. คือตัวช่วยที่พอจะทำให้คุณไม่ต้องนอนค้างคืนกลางป่าได้ แค่ระวังไม่ให้รถเป็นรอยขีดข่วนก็พอครับ
นี่น่าจะเป็นเวอร์ชั่นสุดท้ายของ BMW X7 โฉมนี้ในไทย ก่อนที่จะออกจำหน่ายตัวรุ่นปี 2023 ที่ทยอยลงโชว์รูมตามประเทศต่างๆ ไปบ้างแล้ว มาลุ้นกันอีกทีว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวของบ้านเรา
ตัวถังยาว 5.1 เมตร, กว้าง 2 เมตร และสูง 1.8 เมตร ร่วมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเต็มพิกัด ส่งให้ X7 40d มีน้ำหนักถึงกว่า 2.5 ตัน แต่ข้อดีที่ได้กลับก็คือห้องโดยสารที่กว้างขวางไม่เพียง 5 แต่มากถึง 7 ที่นั่ง โดยประตูหลังออกแบบให้มีความยาวมากกว่าประตูหน้า ทำให้สามารถเข้าไปนั่งเบาะแถวที่ 3 ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น X7 แชร์แพลตฟอร์ม CLAR กับ 7-series ทว่าไม่ได้ใช้โครงสร้าง (บางส่วน) คาร์บอนไฟเบอร์ ‘Carbon Core’ เหมือนกับในรุ่นซีดาน แต่เป็นอลูมิเนียมแบบดั้งเดิม
ชุดไฟหน้า ‘BMW Laserlight’ ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มาพร้อมกับระบบไฟสูงอัตโนมัติ Selective Beam ที่สามารถส่องสว่างได้ไกลสูงสุดถึง 600 เมตร โดยไม่รบกวนสายตาผู้ขับขี่อื่นๆ บนถนน ไฟสปอตไลต์ก็เป็นแบบ LED เช่นกัน ขณะที่ชุดไฟท้ายเพรียวบางก็เป็น LED ทั้งหมดเช่นกัน โดยมีคิ้วโครเมี่ยมแทรกระหว่างโคม เชื่อมต่อระหว่างไฟทั้งสองฝั่ง
กระจังหน้าขนาดมหึมา คือเอกลักษณ์สำคัญของ X7 มีระบบ เปิด/ปิด เพื่อรับอากาศมาระบายความร้อนเครื่องยนต์เมื่อจำเป็นหรือปิดกั้นอากาศเพื่อลดแรงเสียดทาน
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ‘xDrive’ ทำงานผ่านซอฟต์แวร์ความเร็วสูง ที่จะคอยประมวลผลโดยใช้ข้อมูลร่วมกับระบบ DSC (Dynamic Stability Control) เพื่อแบ่งกำลังไปยังแต่ละล้ออย่างเหมาะสมอยู่เสมอ บนถนนปกติระบบจะส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังมากกว่า จึงได้แฮนด์ลิงใกล้เคียงกับรถขับเคลื่อนล้อหลัง และช่วยลดอาการอันเดอร์สเตียร์ลงได้อย่างมาก เมื่อขับขี่บนเส้นทางทุรกันดารระบบจะโฟกัสไปที่แรงยึดเกาะแต่ละล้อเป็นหลัก เพื่อให้สามารถผ่านอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
ติดตั้งล้ออัลลอย BMW Individual ลายตัว Y ขนาดใหญ่ถึง 22 นิ้ว มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ล้อหน้ากว้าง 9.5 นิ้ว ควบคู่กับยางขนาด 275/40 ส่วนล้อหลังกว้าง 10.5 นิ้ว พร้อมยางขนาด 315/35 ส่วนระบบเบรกจาก M รับประกันได้ถึงประสิทธิภาพการเบรกที่ทรงพลัง
ขุมพลังดีเซล 6 สูบเรียง ความจุ 3.0 ลิตร, 340 แรงม้า, 700 นิวตันเมตร ให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ต้องขอบคุณชุดเทอร์โบคู่ที่ทำงานแบบ 2 สเตจ โดยเทอร์โบตัวเล็กจะต่อตรงไปยังห้องเผาไหม้ (ไม่ผ่านอินเตอร์คูลเลอร์) และมีท่อทางเดินสั้น เพื่อให้บูสต์ติดไว จึงได้อัตราเร่งที่ทันใจ ขณะที่เทอร์โบลูกใหญ่ใช้สำหรับรอบสูงกว่า นอกจากนั้น ทั้งสองยังมาพร้อมกับกังหันแบบแปรผัน ที่จะช่วยให้ได้แรงบูสต์ฉับไวในทุกย่านความเร็วอีกด้วย
ห้องโดยสารยังคงมีดีไซน์และบรรยากาศตามแบบฉบับของ BMW อย่างครบถ้วน… บ้างชื่นชอบ บ้างเบื่อหน่าย… การตกแต่งแบบ M ช่วยเพิ่มความหวือหวาขึ้นไปอีกขั้น ด้วยพวงมาลัยแบบสปอร์ต, แดชบอร์ด รวมทั้งคอนโซลกลางและแผงประตูหุ้มด้วยหนังแท้ Merino, หลังคาและเสาประตูบุด้วย Alcantara เป็นต้น ความยอดเยี่ยมอยู่ที่การตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างน่าทึ่ง แม้ขณะขับขี่ท่ามกลางการจราจรพลุกพล่านในเมืองหรือด้วยความเร็วสูงก็ตาม
ระบบบังคับเลี้ยวให้สัมผัสที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมระบบควบคุมการเลี้ยวล้อหลัง ‘Integral Active Steering’ ที่สามารถสั่งให้ล้อหลังเลี้ยวทั้งในแบบทิศทางเดียวกัน (เมื่อขับขี่ที่ความเร็ว) และสวนทาง (ขณะความเร็วต่ำ, กลับรถ หรือเข้าจอด) กับล้อหน้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับควบคุมขณะเปลี่ยนทิศทาง และยังส่งให้คุณสามารถขับขี่ SUV ขนาดมหึมาคันนี้ได้อย่างคล่องแคล่วเมื่ออยู่ในเมืองอีกด้วย
จอแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่แบบดิจิตอลเต็มระบบ เป็นส่วนหนึ่งของระบบ Live Cockpit Professional ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่น 7.0 ตัวจอมีขนาด 12.3 นิ้ว สามารถเรียกดูข้อมูลได้หลากหลาย บริเวณกลางจอจะแสดงแผนที่ของระบบนำทางเมื่อเรียกใช้งาน
ระบบช่วยเหลือขณะขับขี่ พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและฟังก์ชั่น Stop&Go ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่นกัน โดยระบบสามารถหยุดนิ่งได้นานที่สุด (ก่อนจะออกตัวอัตโนมัติอีกครั้ง) 30 วินาที X7 สามารถขับเคลื่อนแบบกึ่งอัตโนมัติได้ด้วยความช่วยเหลือของระบบรักษารถให้อยู่ในช่องทาง ซึ่งผู้ขับสามารถปล่อยมืออกจากพวงมาลัยได้นานสูงสุด 60 วินาที หรือใช้การแตะที่พวงมาลัยไว้เล็กน้อย ระบบก็สามารถทำงานต่อไปได้
ชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ‘Sport Steptronic’ หมายถึง มาพร้อมกับโหมด Launch Control ที่ช่วยให้คุณสนุกกับการส่ง X7 ให้ดีดตัวออกไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น อัตราทดเกียร์ที่จัดสรรมาเป็นอย่างดี ช่วยให้รถขับเคลื่อนราบรื่นและเร่งแซงได้ตามสั่ง มีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้งานหลายรูปแบบ สามารถกดเปลี่ยนได้ที่ปุ่มข้างคันเกียร์ นอกจากนั้น คุณยังสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์เองได้ผ่านแป้นหลังพวงมาลัยอีกด้วย หัวเกียร์แบบ “ผลึกแก้ว” มีพื้นผิวเล่นระดับองศา ให้ความระยิบระยับเหมือนเพชร ซ่อนตัวอักษร ‘X’ ไว้ข้างใน ทำให้ดูมีมิติยิ่งขึ้น
ช่วงล่างแบบถุงลมทำงานแยกอิสระสำหรับแต่ละล้อ นอกจากปรับความแข็งแล้ว ยังสามารถลดหรือเพิ่มความสูงได้อีกด้วย โดยในโหมด Sport หรือขณะวิ่งด้วยความเร็ว 138 กม./ชม. ขึ้นไป ระบบจะลดความสูงให้อัตโนมัติ 20 มม. และสามารถเพิ่มความสูงได้สูงสุด 40 มม. ด้วยสวิตช์เลือกระดับที่ติดตั้งไว้บนคอนโซลกลาง ที่ฝาท้ายยังมีปุ่มกดเพื่อลดความสูงช่วงล่างหลังลง 40 มม. จึงสะดวกต่อการยกสัมภาระ เข้า/ออก ยิ่งขึ้น
จอแสดงผลส่วนกลางที่ BMW เรียกว่า ‘Control Display’ มีขนาด 12.3 นิ้ว เท่ากับจอของผู้ขับขี่ สามารถกำหนดการแสดงข้อมูลบนหน้าจอหลักได้สูงสุดถึง 10 หน้า โดยแต่ละแผ่นสามารถแสดงได้ 2-4 เมนู คุณสามารถควบคุมการทำงานของ Control Display ได้ผ่านปุ่มหมุน (และปุ่มกด) บนคอนโซลกลาง, สั่งการด้วยเสียง หรือใช้สัญญาณมือ ซึ่งอย่างหลังสามารถสั่งการได้ 7 คำสั่ง และได้รับการปรับปรุงให้ตอบสนองได้แม่นยำยิ่งขึ้น
ชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยมจาก Bowers & Wilkins มาพร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง ‘Diamond Surround Sound System’ ด้วยลำโพงถึง 20 ตัว เพาเวอร์แอมป์ขนาด 1500 วัตต์ ให้สุ้มเสียงที่กระจ่างใสและสมจริงอย่างมาก
ระบบความบันเทิงสำหรับเบาะนั่งด้านหลังประกอบด้วยจอสัมผัสแบบ Full-HD ขนาด 10.2 นิ้ว, เครื่องเล่น DVD ที่รองรับ Blu-ray, พอร์ต USB สองพอร์ต, ช่องเสียบ HDMI และช่องเสียบหูฟังสองช่อง นอกจากนั้นยังมีพอร์ต USB อีกสองพอร์ตสำหรับที่นั่งแถวที่สามอีกด้วย
เบาะหลังคือพื้นที่ที่ได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษ นั่นหมายถึง คุณจะได้รับความสะดวกสบายไม่ต่างจากผู้โดยสารตอนหน้าแม้แต่น้อย อาทิ เบาะปรับไฟฟ้าที่สามารถเอนและเลื่อนเดินหน้าหรือถอยหลังได้, ปุ่มควบคุมม่านกระจกหน้าต่างและซันรูฟ, ระบบความบันเทิง ตลอดจนพื้นที่โดยรอบที่กว้างขวางเหลือเฟือ
เต็มไปด้วยปุ่มปรับเบาะ! เบาะแถวที่สองสามารถพับและเลื่อนด้วยไฟฟ้า เพื่อเปิดทางให้เข้าไปสู่เบาะแถวที่สาม (ซึ่งพับด้วยไฟฟ้าเช่นกัน) คุณอาจต้องยืนรอสักพักใหญ่ๆ เพื่อให้เบาะแถวสองเสร็จสิ้นภารกิจการพับ นอกจากนั้น ยังสามารถกดปุ่มที่ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถเพื่อพับหรือกางเบาะทั้งสองแถวนี้ได้อีกด้วย
ระบบปรับอากาศเป็นแบบแยกอิสระ 5 โซน สำหรับผู้โดยสารทั้ง 3 แถว พร้อมส่วนควบคุมแยกสำหรับเบาะแต่ละแถว
หลังคากระจกแบบพาโนรามา ‘Sky Lounge’ มีไฟ LED กระจายไปทั่วพื้นผิวกระจกอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แสงรูปแบบกราฟิกมากกว่า 15,000 รูปแบบ และสร้างการแสดงผลที่ชวนให้นึกถึงท้องฟ้าที่มีแสงดาว… เราถ่ายทำตอนกลางวัน จึงไม่มีภาพมาฝาก เสียใจด้วยนะครับ…
SPECIFICATIONS: BMW X7 xDRIVE40d M SPORT
- Price: 6,399,000 (BSI Standard Package included)
- Engine: 2993cc diesel twin-turbo inline-6, 340hp @ 4400rpm, 700Nm @ 1750-2250rpm
- Transmission: 8-speed automatic ‘Sport Steptronic’, all-wheel drive
- Performance: 6.1sec 0-100km/h, 245km/h top speed, 14.7km/l, 181g/km Co2
- Weight: 2490kg
- NCAP rating: 5 stars
TorqueThailand.com
