Breaking News

ยนตรกรรม Jaguar E-Pace รถอเนกประสงค์ SUV ขนาด Compact

ยนตรกรรม Jaguar E-Pace รถอเนกประสงค์ SUV ส่งตรงมาถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย ภายใต้การดูแลของ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด

ยนตรกรรม Jaguar E-Pace-1.jpg
Jaguar E-Pace

สมาชิกใหม่ล่าสุดสายพันธ์ุรถอเนกประสงค์จากค่าย Jaguar รุ่น E-Pace ได้ส่งตรงมาถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย ภายใต้การดูแลของ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายจากัวร์ และแลนด์โรเวอร์ ในประเทศไทย … เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาสได้ “ลองขับ” แม้ซักนิดล่ะก็ … มีหรือที่เราจะปฏิเสธ

สำหรับ Jaguar E-Pace นั้นถือว่าเป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์ SUV ขนาด Compact ที่มีความน่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากเป็นการควบรวมเทคโนโลยีการผลิตจาก 2 แบรนด์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งประเทศอังกฤษ คือ Jaguar และ Range Rover โดยว่ากันตั้งแต่โครงสร้างตัวถัง Platform ที่ชื่อว่า Jaguar Land Rover D8 ซึ่งแสดงประสิทธิภาพให้เราเห็นกันอยู่ในรถรุ่น Evoque และ Discovery Sport

ซึ่งทำให้ Jaguar E-Pace มีมิติตัวถังประกอบด้วยความยาวทั้งหมด 4,411 มม. ความกว้าง 1,984 มม. ความสูง 1,649 มม. วางอยู่บนฐานล้อที่มีตัวเลข 2,681 มม. พร้อมด้วยงานดีไซน์ภายนอกที่สะดุดตา กับการสื่อสารภาพความเป็นแบรนด์ Jaguar ได้ดี เช่น กระจังหน้าขนาดใหญ่ประทับตราโลโก้ “เสือร้าย” สีแดง ประกบด้วยดีไซน์ของไฟหน้าทรงเฉียบ และเรียบง่าย เพื่อยกความดีความชอบให้งานออกแบบไฟท้ายคม ๆ และดูล้ำสมัย ก่อนจะตบท้ายด้วยอารมณ์ความสปอร์ตเต็มขั้นกับมุมมองด้านข้างที่ลงตัวด้วยแนวเส้นหลังคาที่ลาดเอียงลงในด้านหลัง และล้ออัลอยขนาด 17 นิ้วที่จัดมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ยนตรกรรม Jaguar E-Pace-2.jpg
Jaguar E-Pace
ยนตรกรรม Jaguar E-Pace-3.jpg
Jaguar E-Pace
ยนตรกรรม Jaguar E-Pace-4.jpg
Jaguar E-Pace

ภายนอกนั้นบอกได้เลยว่า “สวยขาด บาดใจ” จนต้องรีบปลดล็อคประตูเพื่อดูความงดงามภายใน ซึ่งก็บอกเลยว่าไม่มีผิดหวังกับงานดีไซน์สไตล์อังกฤษที่ “เรียบหรู” และมีความ “ปราณีต” ในทุกองค์ประกอบ ขณะเดียวกันรายละเอียดของสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมาตรฐานที่ติดตั้งมาให้นั้นก็ไม่มีคำว่า “ขาดตก บกพร่อง” เช่นเดียวกับ ระบบความปลอดภัยที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้คุณได้ในทุกการขับขี่ ตามสไตล์ของยนตรกรรมหรู ฉะนั้นผมจึงขอข้ามไปที่ไฮไลท์อันน่าตื่นเต้นดีกว่า กับเรื่องของ “สมรรถนะ”

Jaguar E-Pace ในตลาดโลกนั้นจะมากับเครื่องยนต์ 2 บล็อคให้เลือก คือ แบบเบนซิน และดีเซล ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเพราะภายใต้การดูแลของตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราอย่าง บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด เลือกที่จะนำเข้ามาเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเท่านั้น

ยนตรกรรม Jaguar E-Pace-5.jpg
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ Ingenium พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger ความจุ 2.0 ลิตร

โดยจะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ Ingenium พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger ความจุ 2.0 ลิตร ที่มีกำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 380 นิวตันเมตรตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดของ ZF สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive โดยการันตีว่าสามารถทำอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ได้ภายใน 10.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 193 กม./ชม.

ตามด้วยระบบช่วงล่างพื้นฐานเดียวกับรุ่นพี่อย่าง F-Pace โดยเฉพาะในด้านหลังที่เรียกว่า Integral Link ตามมาด้วยการยกระดับสมรรถนะการขับขี่จากการติดตั้งระบบ Active Driveline มาให้เป็นรุ่นแรก ซึ่งช่วยลดข้อด้อยของระบบขับเคลื่อนล้อหลัง เพื่อเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว และลดการสูญเสียแรงบิดไปโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย หรือกล่าวง่าย ๆ ก็คือ ตัวช่วยในการกระจายแรงบิด (Torque Vectoring) ที่จะทำให้เข้าโค้งด้วยความเร็วสูงมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง ส่วนจะมากจนสร้างความประทับใจให้เราได้แค่ไหน อันนี้ขอเวลาไป “ตามหา” สักครู่แล้วเดี๋ยวจะกลับมาเล่าให้ฟัง

เครื่องยนต์ดีเซล Turbocharged ถูกปลุกขึ้นด้วยการกดปุ่ม Start Engine พร้อมกับความตื่นเต้นที่เริ่มก่อตัวขึ้นเบา ๆ เพราะนี่คือครั้งแรกก็ว่าได้ ที่มีโอกาสประจำการหลังพวงมาลัยยนตรกรรมจากค่าย Jaguar ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีอาการ “เกร็ง” เบา ๆ แต่เราก็สร้างความบรรเทาได้ด้วยการปรับแต่งตำแหน่งเบาะนั่ง , พวงมาลัย และกระจกทั้ง 3 บาน ให้เอื้ออำนวยต่อการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

เราเคลื่อนตัวออกจากฐานที่มั่นสู่ท้องถนนที่รถราหนาแน่น และในอีกอึดใจเราก็กลายเป็นเป้าสายตาจากผู้คนรอบข้าง ที่ต่างก็จ้องมองมาด้วยแววตาหลงใหลในรูปลักษณ์ของ E-Pace ที่ผสมผสานอย่างลงตัว ด้วยความสปอร์ต เรียบง่าย และหรูหรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การไหลลื่นไปตามคลื่นการจราจรแบบช้า ๆ ที่ดูราวกับเป็น “เสือร้าย” ที่จ้องรอจังหวะตะครุบเหยื่อ และในสถานการณ์นี้เราคงหมายถึงจังหวะ “รถโล่ง” นั่นเอง

และด้วยการจราจรที่ไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ในเช้าวันนี้ กลับกลายเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่งก็คือ “ถ่วงเวลา” ให้เราได้ปรับตัว จับจังหวะให้เข้ากับ Jaguar E-Pace ซึ่งด้วยความเป็นรถอเนกประสงค์ SUV ขนาด Compact ที่มีขนาดตัวรถไม่ใหญ่มากนัก จึงทำให้ไม่ยากนักสำหรับการสร้างความคุ้นเคย ตลอดจนการกะระยะต่าง ๆ ซึ่งในอึดใจต่อมา เราก็สามารถควบคุมให้เชื่องมือได้อย่างไม่ยากเย็น แล้วก็ตามมาด้วยการคิดคำนวณหาเส้นทางว่าง ๆ โล่ง ๆ เพื่อปลดพันธนาการเสือร้าย Jaguar E-Pace ในทันที

เส้นทางที่ใกล้ที่สุด เพื่อมุ่งหน้าออกนอกเมืองถูกเลือกมาเพื่อภาระกิจนี้ทันที พร้อมกับบุคลิกของ Jaguar E-Pace ที่เปลี่ยนไป จากการเยื้องย่างกรายช้า ๆ สู่ความคล่องตัวที่ปราดเปรียว จากแรงกระตุ้นสำคัญ คือ การตอบสนองของพวงมาลัยที่เฉียบคม และเรี่ยวแรงจากเครื่องยนต์ดีเซล Turbocharged ที่พร้อมส่งแรงบิดระดับ 380 นิวตันเมตรที่รอบต่ำเพียง 1,750 รอบต่อนาที่มาให้ใช้งานทันทีที่ปรับเปลี่ยนน้ำหนักเท้าขวา

ซึ่งรวมถึงความรู้สึกในการขับขี่ย่านความเร็วต่ำนั้นบอกได้เลยว่า อารมณ์สปอร์ตมาเต็ม ๆ กับความนุ่ม และหนึบแน่น ที่รับรู้ได้ทั้งสัมผัส และเสียงที่ถ่ายทอดขึ้นมาแบบแน่น ๆ ช่วยหนุนส่งให้เรา “ไป” ได้เต็มอารมรณ์การขับขี่กว่าที่เคยเป็น ทั้งยังสร้างความมั่นใจในการขยับตัวในความเร็วต่ำได้ดี จนถ้าไม่ติดเรื่องทัศนวิสัยที่มองได้สูง และไกลจากพื้นฐานความเป็นรถอเนกประสงค์ล่ะก็ เราคงนึกว่าเป็นรถสปอร์ตอีกรุ่นของค่ายก็คงจะไม่ผิดนัก

และหลังจากที่เราเคลื่อนตัวผ่านการจราจรในเมืองออกมาได้สำเร็จ Dynamic Mode ก็ถูกงัดออกมาใช้ เพื่อลิ้มรสศักยภาพของรถสปอร์ตในคราบรถอเนกประสงค์อย่าง Jaguar E-Pace ทันทีเช่นกัน ซึ่งความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ก็คือ การตอบสนองที่เปลี่ยนไปเป็นรวดเร็วขึ้น ดุดันขึ้น และช่วงล่างที่มีความหนักแน่นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับการขับขี่ในโหมดปกติ รวมไปถึงการบริหารจัดการแรงบิดที่ส่งถ่ายสู่ล้อทั้ง 4 ที่มีประสิทธิภาพ

กล่าวคือ ในการขับขี่แบบปกติแรงบิดส่วนใหญ่ จะถูกถ่ายทอดไปยังล้อคู่หน้าเป็นหลัก จนกว่าจะตรวจพบอาการไม่น่าไว้วางใจ แต่ในขณะที่ Dynamic Mode นั้น แรงบิดทั้งหมดจะถูกระบบ Active Driveline บริหารจัดการให้สมดุลย์ทั้ง 4 ล้อ ในทุกอิริยาบถการขับขี่ตั้งแต่วินาทีแรกที่แตะคันเร่ง ไปจนกระทั่งหยุดรถ เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าตราบใดที่ “หวด” แบบไม่เกินขีดจำกัดของตัวรถ รับรอง “เอาอยู่” แน่นอน

ยนตรกรรม Jaguar E-Pace-6.jpg
Jaguar E-Pace
ยนตรกรรม Jaguar E-Pace-7.jpg
Jaguar E-Pace
ยนตรกรรม Jaguar E-Pace-8.jpg
Jaguar E-Pace
ยนตรกรรม Jaguar E-Pace-9.jpg
Jaguar E-Pace

นอกจากนี้ด้วยความสามารถของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ คุณยังรับรู้ได้ถึงความเฉียบคมในการยึดเกาะถนนอย่างชัดเจน ทำให้ Jaguar E-Pace เปี่ยมไปด้วยความปราดเปรียว และความสปอร์ตชนิดที่เราไม่เคยสัมผัสจากรถอเนกประสงค์ SUV ขนาด Compact รุ่นไหนมาก่อน

ตลอดเวลาที่ 2 มือจับพวงมาลัย และ 2 เท้า ขยี้คันเร่ง Jaguar E-Pace ไม่เคยทำให้คุณรู้สึกเบื่อแม้ซักนิด หากแต่มันกลับสร้างความรู้สึกเหมือนกับคุณดูหนังสนุก ๆ ซักเรื่อง ที่เปิดฉากด้วยการเกริ่นนำ ตามด้วยการเผยตัวละครสำคัญ ก่อนจะนำเสนอจุดพีคสุดของเรื่อง แต่ต่างกันตรงที่ Jaguar E-Pace คือ หนังสนุก ๆ ที่ฉายวนไม่มีซ้ำเรื่อง เพราะคุณจะพบเจออะไรมันส์ ๆ ให้ได้ติดตามอยู่ตลอด และมันก็สนุกไม่แพ้กันเลยทีเดียวซักเรื่อง

หลังจากที่หนำใจกับการควบทะยาน Jaguar E-Pace ทั้งในเมือง และนอกเมือง จนเวลาล่วงเลยถึงค่ำ ผมบอกกับตัวเองว่าถ้าจะซื้อรถอเนกประสงค์ SUV ขนาด Compact ซักคัน ก็ต้องอารมณ์ประมาณนี้ล่ะ แต่คงไม่ใช่รุ่นนี้ซะทีเดียว เพราะผมเชื่อว่าราคาค่าตัว 3,600,000 บาท สำหรับลูกค้ากระเป๋าหนักเมืองไทยคงไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นเรื่องบริการหลังการขายหลาย ๆ อย่างต่างหาก ที่ยังคงเป็น “คำถาม” ว่า บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด จะทำได้ “ดีแค่ไหน” หากต้องการเปิดแบรนด์ Jaguar ให้เป็นที่จดจำ และก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งแบรนด์หรูแถวหน้าของเมืองไทยอย่างเต็มศักยภาพ

ยนตรกรรม Jaguar E-Pace-10.jpg
Jaguar E-Pace
ยนตรกรรม Jaguar E-Pace-11.jpg
Jaguar E-Pace

Specification :  Jaguar E-Pace

  • Price        :    3,600,000 BHT
  • Engine    :    1,999 CC / 16 Valve / Diesel Turbocharged 150 hp @ / 3,500 rpm / 380 Nm @ 1,750 rpm
  • Transmission  :   9AT / All – Wheel Drive
  • Performance   :   0 – 100 Km/h @ 10.5 Sec / Top Speed @ 193 Km/h
  • Weight             :   1,843 Kg.

Check Also

ผู้บริหารนิสสัน ประเทศไทย ส่งมอบรถยนต์ นิสสัน อัลเมร่า 50 คัน ให้ Chic Car Rent ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

นิสสัน ส่งมอบรถยนต์ Almera 50 คัน ให้ Chic Car Rent หนุนธุรกิจรถเช่า ด้วยความประหยัดและเทคโนโลยีล้ำสมัย

นิสสัน ประเทศไทย ส่งมอบรถยนต์ นิสสัน อัลเมร่า จำนวน 50 คัน ให้กับ Chic Car Rent โดยมี ทาคาอากิ ยานางิ …