Breaking News

Toyota C-HR รถไฮบริดล่าสุดที่มีดีมากกว่ารูปลักษณ์ ในการเดินทางจากน่านสู่ลำปาง

[banner title=”7″ id=”2235″ caption_position=”bottom” theme=”default_style” height=”auto” width=”auto” show_caption=”1″ show_cta_button=”1″ use_image_tag=”1″]

หลังจากกระแสรถไฮบริดได้กลับมาอีกครั้ง จากเมื่อหลายปีก่อนที่ทางโตโยต้า ได้นำรถไฮบริดอย่างพรีอุสที่เน้นในเรื่องความประหยัด ที่ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งก็เป็นปฐมบทให้มีรุ่นอื่นๆ ออกมาให้คนไทยได้สัมผัสกันอีกหลาย ๆ รุ่น ซึ่งหลังจากนั้นกระแสรถไฮบริดอาจถูกกลบไปด้วย กระแสโลกอย่างรถอีโคคาร์ ซึ่งในปีนี้ทางโตโยต้าก็กลับมาเรียกเสียงฮือฮาอีกครั้ง ด้วย Toyota C-HR ที่ชื่อรุ่นที่ย่อมาจาก Coupe High Rider บ่งบอกแนวคิดในการออกแบบรถรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี เป็นรถแบบคอมแพค  เอสยูวี ไฮบริด ที่มีรูปทรงล้ำสมัย   img_7898โดยได้รับการพัฒนามาจากพรีอุสโฉมล่าสุดที่ทางโตโยต้าไม่ได้นำเข้ามา รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายในจากการใช้เพชรเป็นแนวคิดในการออกแบบ มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ TNGA หรือ Toyota New Global Architecture ใช้ระบบไฮบริดรุ่นล่าสุดเจเนอเรชันที่ 4 มอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งอยู่ในชุดเกียร์ ตัวมอเตอร์ขนาดใหญ่ขึ้นแต่กินไฟน้อยลง ทำงานได้ที่ความเร็วสูงขึ้นจาก 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเจเนอเรชันที่ 3 เป็น 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ใช้ใน พริอุสโฉมล่าสุด และติดตั้งระบบความปลอดภัย Safety Sense แบบเดียวกับคัมรี่ และปรับปรุงชุดเกียร์ E-CVT ให้มีขนาดเล็กลง เพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ในรุ่นไฮบริคยังคงรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ในส่วนของเครื่องยนต์ก็มีการพัฒนาให้มีการระบายความร้อนที่ดีขึ้นเช่นกัน Toyota C-HR ทำตลาดในเมืองไทยด้วยกัน 4 รุ่นย่อย แบ่งเป็นเบนซินและไฮบริดอย่างละ 2 รุ่น ราคารุ่นเริ่มต้น 1.8 Entry 979,000 บาท และรุ่นสูงสุด HV Hi 1,159,000 บาทimg_7985รูปโฉมภายนอก ทำออกมาได้สะดุดตาดูล้ำสมัย  ด้วยเส้นทางที่ลงตัว บวกกับหน้าตาที่ดูแตกต่างจากที่ทางโตโยต้าเคยทำมาพอสมควร มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED, ไฟท้ายแบบ LED ติดตั้งระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, รวมถึงระบบ Smart Entry ทำงานคู่กับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, กระจกมองข้างปรับพับอัตโนมัติ โดดเด่นในเรื่องของการเข้าออกของประตูหลังที่สามารถตอบโจทย์การเข้าออกภายนอก-ภายในรถได้ง่ายขึ้น โดยคนสูง 180 ซม. ก็ไม่ใช่ปัญหาในการเข้าออกgsb_5600 gsb_5148 gsb_5598ห้องโดยสารภายใน คอนโซล จะบิดรับผู้ขับขี่ พร้อมติดตั้งจอ DVD ขนาด 7 นิ้ว พร้อมช่องต่อ USB/HDMI /Micro SD CARD และบลูทูธ พร้อมระบบนำทาง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้าน รวมถึงระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ประกอบด้วย ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ, ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ เป็นต้น ที่นั่งเบาะหลังสามารถนั่งได้แม้จะไม่กว้างขวางนักแต่ก็นั่งได้จริง เพดานอาจจะใกล้ศีรษะผู้นั่งมากไปหน่อย แต่ถ้าความสูงปกติมาตราฐานชายไทยก็ไม่น่ามีปัญหาgsb_5797TOYOTA C-HR ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1,800 ซีซี บล็อกหลักพื้นฐานเดียวกัน โดยรุ่นไฮบริดเป็นแบบ Atkinson Cycle กำลังอัด 13.0:1 เฉพาะเครื่องยนต์มีกำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. ที่ 3,600 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 กิโลวัตต์  แรงบิด 16.6 กก.-ม. กำลังขับรวมมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT  โดยโตโยต้าระบุอัตราบริโภคน้ำมันสูงสุด 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร (ข้อมูลจาก Eco Sticker) โดยน้ำมันเต็มถังมีขนาดความจุ 43 ลิตร โดยระบบยังคงทำงานเหมือนระบบไฮบริคของพรีอุสในอดีต แต่เสริมระบบต่างๆ เข้าให้มากขึ้นและดีกว่าในรุ่นก่อน ระบบ Cruise Control ของรุ่น HV Hi มาพร้อม Dynamic Radar Cruise Control ตรวจจับรถคันหน้าด้วยเรดาร์ เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย ตั้งได้ 3 ระดับ โดยจะลดความเร็วอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า และเมื่อไม่มีรถด้านหน้าก็จะเร่งกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ เมื่อตั้งความเร็วไว้ และมีรถด้านหน้าช้ากว่าก็จะลดความเร็วลงให้เท่าๆ คันหน้า และรักษาระยะห่างตามที่ตั้งไว้ เมื่อรถด้านหน้าเริ่มลดความเร็วลง ก็จะลดความเร็วลงด้วยเช่นกัน และเมื่อความเร็วลดลงถึงประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะตัดการทำงานพร้อมเสียงเตือน ผู้ขับต้องเบรกเอง, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB หรือ Automatic High Beam ปรับลดไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ LDA with Steering Assist หรือ Lane Departure Alert เมื่อออกนอกเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะคิดว่าไม่ตั้งใจเปลี่ยนเลน ระบบจะเตือนที่หน้าจอ MID ด้วยสัญญาณไฟกระพริบและเสียงเตือน และพวงมาลัยจะดึงกลับให้ ซึ่งระบบจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับความเข้มของเส้นถนนด้วยเป็นหลักimg_7674img_7664 img_7655ในการขับขี่จริงเราเดินทางจากจังหวัดน่าน ผ่านแพร่ และสิ้นสุดที่ลำปาง โดยใช้ระยะทางทั้งสิ้น 224 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นทั้งทางตรงและเส้นทางคดเคี้ยว รวมไปถึงยังมีการขึ้นเขา-ลงเขา ซึ่งเราจะได้เห็นสมรรถนะของตัวรถอย่างเต็มที่ โดยในการทดสอบจะเป็นรถรุ่นไฮบริดทั้งหมด โดยใน C-HR จะมีโหมดให้ใช้คือ Sport, Normal และ Eco โดยรุ่นนี้จะไม่มีวัดรอบให้เห็นจะเป็นการโชว์ระดับตามสี ฟ้า เขียว ขาวแทน ซึ่งถ้าอยู่ในสีฟ้าหรือเขียวจะเป็นระดับที่ประหยัดกว่า

อัตราเร่งของรถอาจจะไม่รวดเร็วเท่ากับในพรีอุสตัวเก่า ด้วยแรงม้าที่หายไป แต่ถูกชดเชยด้วยน้ำหนักที่เบาขึ้นของวัสดุที่ใช้และแบตที่จุไฟฟ้าได้มากกว่า ทำให้อัตราเร่งโดยรวมเมื่อเปรียบเทียบแล้วแทบไม่ต่างกันเมื่อเทียบกับพรีอุสตัวเจนฯ 3  อัตราเร่งในช่วงความเร็วกลางค่อนข้างตอบสนองได้ดีการไต่ความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับโหมด EV ซึ่งมีสวิตช์เปิดการทำงานที่คอนโซลเกียร์ จะทำงานถึงความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอาจจะใช้งานได้ยากไปนิด น่าจะย้ายมาอยู่ในจุดที่ใกล้มือเสียหน่อยจะดีกว่า พวงมาลัยทำออกมาได้ดีทั้งรูปทรงและในส่วนของการบังคับก็เช่นกัน  น้ำหนักพวงมาลัยค่อนข้างพอดีไม่ถึงกับเบาแต่ก็ไม่ได้หนักจนเกินไป การบังคับเลี้ยวค่อนข้างแม่นยำในระดับน่าพอใจ ช่วงล่างเป็นอีกจุดทีน่าสนใจ ช่วงล่างที่ขายในไทยมีการเซ็ตอัพใหม่ให้เหมาะสมกับสภาพถนนในบ้านเรา ในส่วนของวัสดุภายในโช๊คอัพ และค่าความแข็งของสปริงก็มีการปรับใหม่หมด เพราะบอกเลยว่าคนละเรื่องกับตัวที่ขายในต่างประเทศ ปรับเซตความหนึบมาในแนวนุ่มหนึบ ไม่แข็งกระด้าง เข้าโค้งแคบๆ ได้อย่างมั่นใจ ตัวรถไม่โคลงมาก ทางตรงใช้ความเร็วสูงไม่ย้วยหรือวูบวาบ เพียงพอต่อการใช้งาน แม้จะเป็นโค้งโหดๆ แถวจังหวัดน่านหรือแพร่ก็บอกเลยว่าไปได้สบาย ถ้าไม่เข้าด้วยความเร็วโอเวอร์จนเกินไป ซึ่งเป็นอีกจุดที่ต้องชื่นชม ซึ่งเราใช้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 80-120 กม./ชม. และบางช่วงก็มีแตะถึง 140 กม./ชม. ถือว่าเป็นการใช้งานแบบขับขี่แบบคนทั่วๆไป ซึ่งเมื่อสิ้นสุดการเดินทางเรายังคงได้ยอดอัตราความประหยัดอยู่ที่ 18 กม./ลิตร ซึ่งมีนักข่าวบางท่านทำได้ถึง 25 กม./ลิตรทีเดียวpkj_6715 pkj_6708 pkj_6719Toyota C-HR นับเป็นรถอีกรุ่นที่น่าสนใจ ด้วยรูปทรงและสมรรถนะที่โดดเด่นน่าจับตาในท้องตลาดตอนนี้ ที่มาพร้อมกับความประหยัดที่ยากจะหาคู่แข่งมาเทียบเทียมได้ ซึ่งจะเป็นจุดขายที่น่าสนใจที่จะทำให้ผู้คนมาส่งใจรถพลังงานไฮบริดกันมากขึ้น ด้วยการรับประกันและบริการ  จากชื่อเสียงของโตโยต้าก็เป็นเครื่องการันตีความนิยมได้อย่างแน่นอน เหลือแค่ว่าในรุ่นนี้ จะลบข้อด้อยในเรื่องอะไหล่ที่เจอปัญหาในรุ่นพรีอุสเจนฯ3  ได้หรือไม่ คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์กันต่อไป

Check Also

ISUZU EXCELLENT TRUCK DRIVING CONTEST 2024

อีซูซุส่ง Isuzu King of Trucks Euro5 Max นำทัพค้นหา “อีซูซุ ยอดนักขับมือทอง” ประจำปี 2567 รอบชิงชนะเลิศ ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท

บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด โดยการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก กรมการขนส่งทางบก จัดการแข่งขัน “อีซูซุยอดนักขับมือทอง” ครั้งที่ 17 ประจำปี 2567 “ศึกชิงแชมป์ Isuzu Euro5 Max” …

Leave a Reply