รีวิว ลองขับ Ford Ranger MS-RT เจาะดีไซน์ พร้อมฟีลลิ่งการขับขี่ และเปลี่ยนช่วงล่างแบบเดียวกับ Wildtrak V6 เพื่อความนุ่มนวลและมั่นใจทุกเส้นทาง
รีวิว ลองขับ Ford Ranger MS-RT กระบะสปอร์ตแต่งพิเศษจากโรงงาน
Ford Ranger MS-RT
โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าเวอร์ชั่น MS-RT ดูสวยงามกว่า Ranger รุ่นอื่นๆ (รวมไปถึง Raptor) ทั้งยังเกาะหนึบเหนือชั้นกว่ารถกระบะทั้งปวง ทว่านอกเหนือไปจากนั้นล้วนเต็มไปด้วยคำถาม นี่คือรถที่เราไม่รู้ว่าถูกผลิตขึ้นเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่ และคุ้มค่ากับเงินกว่า 1.7 ล้าน จริงหรือไม่?
คันทดสอบของเราครั้งนี้ เปลี่ยนแดมเปอร์หลังกลับมาใช้แบบเดียวกับ Wildtrak V6 รุ่นมาตรฐาน เพื่อลดความแข็งกระด้างของช่วงล่างด้านหลัง… มันดีขึ้น แต่ก็เยียวยาได้เล็กน้อยมาก เนื่องจากชุดแหนบยังคงเป็นของ Pedders ที่ออกแบบให้กับเวอร์ชั่น MS-RT ซึ่ง (ดูจะ) จงใจให้มีค่าความแข็งสูงเพื่อลดการเอียงตัวขณะเข้าโค้งโดยเฉพาะ
การเปลี่ยนแดมเปอร์จึงเกิดเป็นเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ “นี่คือการแก้ไขตรงจุดหรือไม่?”, “ถ้าแข็งต่างกันแค่นี้ ใส่แดมเปอร์ Pedders แล้วได้การเกาะถนนกลับมาเหมือนเดิมจะดีกว่ามั้ย?” และอีกหลายคำถาม
ประเด็นก็คือ เราทดสอบ MS-RT ที่ใช้สปริงหน้า, ชุดแหนบ และแดมเปอร์ Pedders ทั้งหมด ในสนามแข่งมาแล้วก่อนหน้านี้ และมันเกาะถนนตลอดจนทรงตัวได้อย่างน่าทึ่ง ชัดเจนว่านี่คือเวอร์ชั่นสำหรับทำความเร็วในสนาม ด้วยการมองจากมุมของ M Sport
แน่นอนว่าพวกเขาคุ้นชินกับ “รถแข่ง” และไม่ (น่าจะ) สนใจว่าการขับขี่บนโลกความจริงจะเป็นเช่นใด ประมาณว่า “ก็คุณอยากได้สัมผัสแบบรถแข่งไง… คุณมาถูกที่แล้วล่ะ เราจัดให้!” บอกเลยว่าประสิทธิภาพของช่วงล่างนี้เหนือกว่าพละกำลังของรถไปไกลมากจริงๆ
นั่นหมายถึง ถ้า Ranger MS-RT เกิดมาเพื่อสนามแข่ง สิ่งที่มันควรจะมี นอกจากช่วงล่างที่เกาะหนึบ คือพละกำลังที่มากกว่านี้, Paddle หลังพวงมาลัย, โหมด Sport, ระบบเบรกที่ดีขึ้น, น้ำหนักเบาลง, ไม่เอาบันไดไฟฟ้า และขอแค่ขับเคลื่อนล้อหลังก็พอ หรือถ้าจุดประสงค์ของพวกเขาไม่ใช่รถแข่ง
แต่เป็น “ภาพลักษณ์” สิ่งที่มันควรจะมีก็คือความสามารถในการใช้งานได้จริง ด้วยช่วงล่างที่นุ่มนวลกว่านี้ และถ้าจะเตี้ยลงถึง 40 มม. จาก Wildtrak มาตรฐาน ก็เช่นกัน… ไม่เอาบันไดไฟฟ้า และขอแค่ขับเคลื่อนล้อหลังก็พอ ราคาขายจะได้สมน้ำสมเนื้อยิ่งขึ้น
Ford Ranger รุ่นอื่นๆ เป็นรถที่เราหลงรักและเชียร์แบบออกนอกหน้าเสมอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทว่า MS-RT คือรถที่ผิดพลาดไปเสียหมด ลดทอนศักยภาพอันยอดเยี่ยมของ Wildtrak ด้วยช่วงล่างที่แข็งกระด้างและกันชนรอบคันที่ต่ำกว่าเดิมจึงลดความสามารถในการขับขี่ทางวิบากลง
ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าคุณยืนดู Ranger MS-RT แบบงงๆ อยู่ในโชว์รูม Ford แล้วถามตัวเองว่า “จะซื้อมันไปเพื่ออะไรดีนะ?” แต่ผมมีคำตอบให้ครับ…
Ford Ranger MS-RT เหมาะที่สุดสำหรับการซื้อมาจอดเก็บไว้เป็นอีกคอลเลกชั่นสะสมในการาจของคุณ เพื่อดื่มด่ำความงดงามเหนือ Ranger ทั้งปวงของมัน… แค่นั้น…
ที่ด้านหน้ามาพร้อมกับโป่งล้อขนาดกว้างกว่ารุ่น Wildtrak มาตรฐาน 40 มม. ผลิตจากวัสดุคอมโพสิต กระจังหน้าดีไซน์ใหม่พร้อมตราสัญลักษณ์ ‘MS-RT” ส่วนกันชนก็ดีไซน์ใหม่เช่นกัน ปิดช่องดักอากาศตรงกลางทั้งหมดเหลือไว้เพียงช่องสำหรับรับลมเข้าสู่อินเตอร์คูลเลอร์โดยตรง ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ใช้ในรถแข่ง ช่วยลดแรงต้านอากาศและเพิ่มปริมาณ (ความหนาแน่น) ของอากาศเข้าสู่แผงระบายความร้อน ช่องด้านข้างกันชนไม่ได้เจาะทะลุออกสู่ซุ้มล้อแต่อย่างใด ขณะที่ลิ้นหน้าเป็นส่วนหนึ่งของชุดแอโร ที่สื่อในอังกฤษบางสำนักระบุว่า M Sport ออกแบบในเครื่องจำลอง CFD ทั้งหมด เพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์
แม้ความสูงจะลดลง 40 มม. แต่ก็ติดตั้งบันไดข้างไฟฟ้ามาให้ด้วย สเกิร์ตข้างออกแบบให้ยื่นออกมารับกับช่องระบายอากาศ (หลอกๆ) ที่โป่งหน้า และผายออกอีกครั้งที่ส่วนปลายเพื่อรับกับโป่งหลัง สปอยเลอร์หลังคาก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของชุดแอโร มีระนาบเดียวกับหลังคา
ด้านหลังติดตั้งโป่งขนาดกว้างขึ้น 40 มม. เช่นเดียวกับด้านหน้า พร้อมฝาถังน้ำมันที่มีโลโก้ M Sport ชิ้นโป่งทั้งสองนี้ผลิตจากวัสดุคอมโพสิตและครอบทับไปบนตัวถังเดิม นั่นหมายถึงหากเกิดการชนที่ด้านหลัง คุณจะต้องซ่อมทั้งสองชิ้นส่วน… สปอยเลอร์บนฝาท้ายก็เป็นชิ้นส่วนครอบทับของเดิมเช่นกัน มาพร้อมกับขอบกระบะลวดลายกราฟฟิกของรถวิ่งออกจากภูเขา และไม่มีช่องสำหรับยึด C Clamp เหมือนรุ่นปกติ ขอบด้านข้างกระบะติดตั้งโลโก้ M Sport มาให้ ดูเข้าชุดกับฝาถังน้ำมัน ขณะที่กันชนท้ายออกแบบให้ดูคล้ายดิฟฟิวเซอร์ร่วมด้วยอักษร ‘MS-RT’ บนบันไดบริเวณช่องติดป้ายทะเบียน
ตราสัญลักษณ์ ‘Ford’ และเส้นวงรี เปลี่ยนมาใช้สีขาวเพื่อให้สอดคล้องกับสีประจำแบรนด์ M Sport พร้อมโลโก้ M Sport และอักษร MS-RT ที่เห็นได้ทั่วทั้งคันเพื่อตอกย้ำว่าเป็นรถเวอร์ชั่นพิเศษ มีสีตัวถังให้เลือก 2 สี คือ สีเทา คอมมานด์ เกรย์ และ สีดำ แอบโซลูท แบล็ค
ล้อขนาด 21 นิ้ว ดีไซน์เฉพาะสำหรับเวอร์ชั่นพิเศษนี้ มาพร้อมกับยาง Continental ‘ContiSport Contact’ ขนาด 275/45 เท่ากันทั้งสี่ล้อ และส่งให้มีฐานล้อกว้างกว่ารุ่นมาตรฐานถึง 80 มม. ช่วงล่างปรับปรุงใหม่จากการร่วมมือกันระหว่าง MS-RT และ Pedders เตี้ยลง 40 มม. เมื่อเทียบกับ Wildtrak V6 ด้านหลังเปลี่ยนมาใช้แดมเปอร์ของ Wildtrak V6 (แต่ยังคงให้แดมเปอร์ Pedders มาให้คุณเก็บไว้ด้วย) ระบบเบรกถือว่าให้พละกำลังเหลือเฟือเมื่อเทียบกับศักยภาพที่เครื่องยนต์ทำได้
มีการตกแต่งพิเศษแบบ M Sport ในห้องโดยสาร ด้วยพวงมาลัยพร้อมแถบสีน้ำเงินด้านบน และเดินด้ายสีน้ำเงินเข้าชุดกับลวดลายพิเศษบนเบาะนั่งทรงกึ่งบักเก็ตที่ด้านหน้า ส่วนเบาะหลังมีลวดลายแบบเดียวกันและปั๊มอักษร MS-RT ไว้บนพนักพิงศีรษะ พรมก็ออกแบบเฉพาะสำหรับรุ่นพิเศษนี้เช่นกัน
ส่วนที่เหลือของห้องโดยสารเป็นแบบเดียวกับรุ่น Wildtrak V6 ทั้งดีไซน์, อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ และระบบช่วยเหลือขณะขับขี่
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกเหมือนกับรุ่น Wildtrak V6 รถที่ MS-RT นำพื้นฐานมาใช้ ทุกประการ นั่นหมายถึงคุณจะได้ไฟสูงแบบ Matrix, ไฟท้าย LED, ฝาท้ายพร้อมระบบผ่อนแรง, ปลั๊กไฟ 220V ในกระบะ และอื่นๆ ครบครันเช่นเดิม
เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 3.0 ลิตร V6 ใช้เสื้อสูบและฝาสูบน้ำหนักเบา ทั้งยังมีขนาดกะทัดรัดและวางกลางลำแบบ Mid-front จนเห็นเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่หลังหม้อน้ำ ทำให้มีการกระจายน้ำหนักหน้าหลังที่ดี ชุดเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันล้ำสมัย ทั้งหมดจาก Wildtrak V6 เช่นกัน
SPECIFICATION: Ford Ranger MS-RT
Price: ฿1,754,000
Engine: 2993cc turbodiesel V6, 250ps @ 3250rpm, 600Nm @ 1750-2250rpm
Transmission: 10-speed automatic, all-wheel drive
Performance: 8.7sec 0-100km/h, 178km/h top speed, 10.0km/l, 262-273g/km CO2
Weight: 2285kg