Breaking News

ฟอร์ดใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ร่นระยะเวลาการพัฒนารถยนต์ ยกระดับการทดสอบ เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ ในสนามจริง

ฟอร์ด ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ CAD และ CAE ร่นระยะเวลาการพัฒนารถยนต์ยกระดับการทดสอบ เรนเจอร์ (Ranger) และเอเวอเรสต์ (Everest) ในสนามจริง

ฟอร์ด ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ CAD และ CAE ร่นระยะเวลาการพัฒนารถยนต์
Ford Accelerated Development

ฟอร์ด ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ CAD และ CAE ร่นระยะเวลาการพัฒนารถยนต์

Computer-Aided Design & Computer-Aided Engineering 

การออกแบบพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่แต่ละรุ่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกว่าจะออกแบบรถสักคันต้องผ่านหลายขั้นตอนที่ซับซ้อน ตั้งแต่การสร้างรถต้นแบบและการระดมพลังจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากหลายแผนกทั่วโลก จนกว่ารถที่อยู่ในภาพร่างสเก็ตช์จะกลายเป็นรถจริงที่พร้อมจำหน่ายในโชว์รูม

รถยนต์รุ่นใหม่ต้องได้รับการพัฒนาต่อยอดและยกระดับฟีเจอร์ต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น ฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาไลน์อัพที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและมาพร้อมกับตัวเลือกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง และการออกแบบตัวรถ

แต่ก่อน การพัฒนารถยนต์หนึ่งคัน นับตั้งแต่การออกแบบบนภาพร่างสเก็ตช์ จนสำเร็จเป็นรถที่พร้อมจำหน่ายในโชว์รูม ใช้เวลามากกว่า 5 ปี นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ฟอร์ด ออสเตรเลีย ฐานผลิตสำคัญของฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ ลงทุนมหาศาลไปกับการนำโปรแกรมที่ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในงานออกแบบ (Computer-Aided Design หรือ CAD)

และคอมพิวเตอร์มาช่วยในงานด้านวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering หรือ CAE) เพื่อนำมาพัฒนารถยนต์ เนื่องจากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะช่วยร่นระยะเวลาในการออกแบบและขั้นตอนทางวิศวกรรม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก

รถยนต์หนึ่งคันประกอบด้วยชิ้นส่วนมากกว่า 1,500 ชิ้น รถยนต์รุ่นใหม่จึงต้องได้รับการออกแบบและพัฒนาให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งในด้านความปลอดภัย ความทนทาน ไปจนถึงมาตรฐานด้านการออกแบบ และขั้นตอนอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้น CAE จึงมีส่วนเข้ามาช่วยวิศวกรในการจำลองเชิงวิเคราะห์ ซึ่งต้องใช้เวลาที่ใช้ในการคำนวณหลายหมื่นชั่วโมง นับเป็นเวลาหลายเดือน ก่อนที่จะเริ่มสร้างรถต้นแบบ

Ford Ranger RAPTOR X
Ford Ranger RAPTOR X

Ford Ranger RAPTOR X

“เทคโนโลยี CAE ช่วยให้เราสามารถยกระดับผลิตภัณฑ์แบบเสมือนจริง ด้วยข้อมูลที่รวบรวมสะสมมาจากการทดสอบรถจริงมานานหลายปี ไปจนถึงขั้นตอนการทดสอบรถต้นแบบบนถนนและบนเส้นทางออฟโรด ซึ่งถือเป็นความละเอียดของผลิตภัณฑ์และเป็นการตรวจสอบผลลัพธ์ของการจำลอง ดังนั้น CAE จึงเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราไม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งที่พัฒนารถรุ่นใหม่” มร.เจสัน โนกูเอรา วิศวกรด้าน CAE แชสซีรถยนต์ ฟอร์ด ออสเตรเลีย กล่าว

คอมพิวเตอร์สามารถจำลองสถานการณ์และคำนวณผลลัพธ์จากสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่าการรอผลจากการทดสอบจริงกับรถต้นแบบ เนื่องจากการทดสอบทางกายภาพต้องใช้เวลานานหลายวัน ในขณะที่ CAE สามารถประมวลผลลัพธ์ได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง นอกจากนี้ วิธีนี้ยังช่วยลดการปรับเปลี่ยนด้านการออกแบบในระหว่างขั้นตอนภายหลัง ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจาก CAE จะช่วยให้เราค้นพบสิ่งที่ต้องแก้ไขตั้งแต่แรกระหว่างการพัฒนาแบบเสมือนจริง

“ในระหว่างการจำลองเพื่อพัฒนารถโดยใช้ CAE เราสามารถทดลองน้ำหนักบรรทุกและอัตราเร่งกับแบบจำลองเสมือนจริง เพื่อทำความเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับรถ ในขั้นตอนการออกแบบ ซึ่งช่วยให้เราสามารถการพัฒนารถได้ตั้งแต่ขั้นตอนของ CAE ก่อนการทดสอบความทนทานทางกายภาพ”

ถึงแม้ว่า CAD และ CAE จะช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนารถยนต์ แต่การทดสอบกับรถจริงก็ยังสำคัญและจำเป็น เพื่อการตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำของผลลัพธ์ที่ได้จาก CAE และการออกแบบรถยนต์ขั้นสุดท้าย

“CAD และ CAE ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีการออกแบบและขั้นตอนทางวิศวกรรมรถของเรา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า” มร.เจสัน อธิบายเพิ่มเติม “เทคโนโลยีนี้เหล่านี้มีส่วนช่วยในการนำไอเดียสุดล้ำมาทำให้เกิดขึ้นจริงได้ ทั้งนี้ ยังไม่มีสิ่งไหนที่สามารถมาทดแทนการทดสอบจริงเพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถจากฟอร์ดจะตอบโจทย์การใช้งานได้มาากกว่าที่ลูกค้าคาดหวังไว้”

การพัฒนาและการทดสอบรถยนต์ฟอร์ดในการขับขี่จริง ยังต้องอาศัยวิศวกรฟอร์ดในการทดสอบรถทั่วโลกในสภาพแวดล้อมสุดหฤโหด ฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอร์เรสต์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ฟอร์ดที่วางจำหน่ายทั่วโลกจึงได้รับการพัฒนาและทดสอบในภูมิอากาศและเส้นทางที่โหดที่สุดใน 5 ทวีปทั่วโลก และผ่านการทดสอบในระยะทางมากกว่า 600,000 กิโลเมตร

ตั้งแต่ทะเลทรายในออสเตรเลียและภูมิภาคตะวันออกกลางไปจนถึงเส้นทางสุดขรุขระในแอฟริกาใต้ และภูเขาในทวีปอเมริกา ฝ่าภูมิอากาศสุดขั้วจาก -40 องศาเซลเซียส ไปจนถึง 50 องศาเซลเซียส จึงมั่นใจได้ว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ ได้รับการพัฒนาและผ่านการทดสอบมาเพื่อพร้อมลุยทุกเส้นทางในทุกสภาวะ

Check Also

Mitsubishi Motors Thailand in Motor Show 2024

สัมผัสกับขุมพลังใหม่ฟูลไฮบริดกับรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ยอดนิยมแห่งยุค New Xpander HEV และ Xpander Cross HEV, สุดยอดรถกระบะสมรรถนะสูง All-New Triton Athlete พร้อมข้อเสนอพิเศษภายในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ขนทัพยานยนต์รุ่นใหม่คุณภาพสูง ภายใต้แนวคิดที่มุ้งเน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำโดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ร่วมด้วย มิตซูบิชิ …