Breaking News

รีวิว ทดสอบ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 SE ราชันแห่งรถออฟโรด

รีวิว ทดสอบ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 SE ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบให้กำลังสูงสุด 240 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 9.1 วินาที

รีวิว ทดสอบ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

รีวิว ทดสอบ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 SE ราชันแห่งรถออฟโรด

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 SE

รีวิว ทดสอบ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

รีวิว ทดสอบ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

ราชันแห่งรถออฟโรดหวนคืนบัลลังก์อีกครั้ง! Defender ใหม่ ยังคงปักหมุดอยู่ที่การบุกตะลุยบนเส้นทางทุรกันดาร บวกด้วยความนุ่มนวลอย่างไม่เคยมีมาก่อนและลูกเล่นไฮเทคมากมายที่จะทำให้ทุกการบุกตะลุยเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์

รีวิว ทดสอบ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
คันทดสอบของเราติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งในแพคเกจ Explorer มาด้วย (มีบางชิ้นถูกถอดออกไป ก่อนรถจะนำมาทดสอบ เช่น สน็อกเกิล, กล่องเก็บของที่หน้าต่างหลังฝั่งขวา) นอกจากนั้น ยังติดตั้งวินช์, ซึ่งเป็นออปชั่นเช่นกัน, มาด้วย
รีวิว ทดสอบ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
ชุดไฟหน้ามีให้เลือกทั้งแบบ Premium LED และ Matrix LED ทั้งคู่มาพร้อมกับ DRL ดังภาพ โดยระบบ Matrix จะมีไฟสูงอัตโนมัติพร้อมระบบตัดบางช่วงของแสงอัตโนมัติขณะทำงาน เพื่อไม่ให้รบกวนสายตารถที่กำลังขับตามหลังหรือวิ่งสวนทาง

รีวิว ทดสอบรถ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

ผมคงไม่ต้องบรรยายที่มาที่ไปของ Defender ให้เสียเวลาหรอก จริงไหมครับ? SUV จากอังกฤษที่ถือเป็นหนึ่งในตำนานแห่งวงการออฟโรดรุ่นนี้ กลับมาอีกครั้งพร้อมกับศักยภาพไม่ธรรมดา เทคโนโลยีไฮเทคที่บรรจุอยู่ใน Defender ส่งให้ตอนนี้มันสามารถไปได้ทุกที่… อาจกล่าวได้ว่า แม้จะไม่มีถนนก็ตาม!

รีวิว ทดสอบรถ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
สติกเกอร์ฉลุตัวเลข “110” เป็นออปชั่นเช่นกัน คุณต้องเขย่งหน่อยถึงจะมองเห็นมันชัดๆ
รีวิว ทดสอบรถ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
มีการใช้ลวดลายพื้นตีนไก่มาตกแต่งด้านข้างของฝากระโปรง และส่วนที่เลียนแบบช่องระบายอากาศบริเวณที่ปัดน้ำฝน เป็นการดึงเอาบรรยากาศแบบย้อนยุคมาใช้ได้อย่างแนบเนียน
รีวิว ทดสอบรถ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
มีการใช้ลวดลายพื้นตีนไก่มาตกแต่งด้านข้างของฝากระโปรง และส่วนที่เลียนแบบช่องระบายอากาศบริเวณที่ปัดน้ำฝน เป็นการดึงเอาบรรยากาศแบบย้อนยุคมาใช้ได้อย่างแนบเนียน

แพลตฟอร์มอลูมิเนียมโมโนค็อก “D7x” คือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง มันได้รับการเสริมความแข็งแกร่งเป็นพิเศษเพื่อรับมือกับการขับขี่บนทางทุรกันดาร Land Rover เคลมว่าแชสซีส์ใหม่นี้ต้านทานการบิดตัวได้ถึง 30,000 นิวตันเมตร/องศา มากกว่าแชสซีส์แบบแลดเดอร์ดั้งเดิมของรุ่นที่แล้วถึง 3 เท่า

ตัวถังถูกย้ายตำแหน่งให้สูงขึ้น 20 มม. และจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ใหม่ จนได้โอเวอร์แฮงก์ หน้า-หลัง ที่สั้นมากๆ นั่นหมายถึง Defender สามารถเข้าหาทางลาดชันถึง 38 องศาได้ โดยไม่สร้างริ้วรอยที่กันชนหน้า ในขณะที่ด้านท้ายทำได้ 40 องศา

รีวิว ทดสอบรถ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
กระจกมองข้างแนวตั้ง ทำให้มีมุมอับสายตามากกว่าปกติ แต่ไม่ต้องห่วง! Defender มาพร้อมกับระบบ BSW และกล้องรอบทิศทางที่จะช่วยให้คุณขับขี่ได้ง่ายยิ่งขึ้น
รีวิว ทดสอบรถ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
บันไดข้างเป็นอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมเช่นกัน ในภาพคือแบบฟิกซ์ และยังมีแบบกางและพับเก็บอัตโนมัติตามการเปิดประตู ให้เลือกอีกด้วย
รีวิว ทดสอบรถ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
กล้องสำหรับแสดงภาพมุมสูงบนกระจกมองหลังเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ Land Rover เรียกว่า ClearSight โดยมีกล้องหน้าที่สามารถแสดงภาพเสมือนว่าสามารถมองผ่านใต้ฝากระโปรงหน้าลงไปยังพื้นถนนได้ ใช้สำหรับการขับขึ้นทางชันหรือลุยน้ำ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมองไม่เห็นอุปสรรคที่อยู่ใต้ท้องรถด้านหน้า

เอาล่ะ เมื่อเราได้แชสซีส์สุดแกร่งแล้ว ถัดมาก็คือช่วงล่าง… คันทดสอบของเรามาพร้อมกับแอร์สปริงและแดมเปอร์ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกมันคือประสิทธิภาพแบบออฟโรด ด้วยช่วงล่างนี้ส่งให้ Defender ยกตัวขึ้น (จากตำแหน่งปกติ) ได้สูงสุด 145 มม. !!! โดย 75 มม. สำหรับการขับขี่โหมดออฟโรดต่างๆ และยกเพิ่มอีก 70 มม.  ในโปรแกรม Wade จึงสามารถลุยน้ำได้ลึก 900 มม.

รีวิว ทดสอบรถ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

รีวิว ทดสอบรถ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
ช่วงล่างแอร์สปริงพร้อมแดมเปอร์ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์คือกุญแจสำคัญของ Defender ใหม่ มันสามารถยกตัวได้สูงสุดถึง 145 มม. (หรือมากกว่า 5 นิ้ว!!!) นั่นทำให้รถมีระยะห่างใต้ท้องเกือบ 1 ฟุต และลุยน้ำได้ลึกเกือบ 1 เมตร นอกจากนั้น ระบบไฟฟ้าต่างๆ ยังกันน้ำได้ที่มาตรฐาน IP67… บอกไว้ เผื่อคุณอยากลองจอดมันแช่มันทิ้งไว้ในน้ำน่ะ
รีวิว ทดสอบรถ LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
คันทดสอบของเราติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งในแพคเกจ Explorer มาด้วย (มีบางชิ้นถูกถอดออกไป ก่อนรถจะนำมาทดสอบ เช่น สน็อกเกิล, กล่องเก็บของที่หน้าต่างหลังฝั่งขวา) นอกจากนั้น ยังติดตั้งวินช์, ซึ่งเป็นออปชั่นเช่นกัน, มาด้วย

นอกจากนั้น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ยังป้องกันน้ำที่มาตรฐาน IP67 รถจึงจมอยู่ในน้ำได้โดยไม่มีปัญหากับระบบไฟฟ้า และเมื่อออกจากโปรแกรมนี้ ระบบจะทำการเลียเบรกในขณะรถขับเคลื่อนเป็นระยะเวลาหนึ่งโดยอัตโนมัติ เพื่อทำให้เบรกแห้งได้เร็วยิ่งขึ้น

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
ฝั่งนี้เป็นตำแหน่งสำหรับติดตั้งกล่องเก็บสัมภาระเพิ่มเติม (ออปชั่น) เสียดายที่ถูกถอดออกไปก่อนรถจะถูกส่งมาขับทดสอบ
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
บันไดและแร็คหลังคาเป็นอุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษเช่นกัน หลังคาของ Defender สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 300 กก. นั่นหมายถึงคุณสามารถกางเต็นท์นอนบนนั้นได้ 2 คน อย่างไรก็ตาม แร็คหลังคาสร้างเสียงลมดังสนั่นเข้ามาในห้องโดยสารตั้งแต่ความเร็วแค่ราวๆ 100 กม./ชม. ขึ้นไป

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

นอกจากลุยน้ำแล้ว การขับขี่บนเส้นทางสุดโหดก็เป็นเรื่องง่ายเช่นกัน เพียงเลือกโหมดการขับขี่ต่างๆ จากระบบ Configurable Terrain Response ให้ตรงกับสภาพเส้นทางที่คุณกำลังเผชิญ แล้วปล่อยให้พวกมันจัดการส่วนที่เหลือก็พอ ระบบจะปรับการตอบสนองคันเร่ง, เกียร์, พวงมาลัย, ช่วงล่าง และ Traction Control ให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ

นอกจากนั้น ยังสามารถเลือกปรับการทำงานต่างๆ เอง เพื่อให้ตรงกับความต้องการแบบเฉพาะเจาะจงของคุณได้อีกด้วย 

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
ของขวัญชิ้นพิเศษที่ทีมออกแบบ Land Rover มอบให้สาวก Defender ก็คือยางอะไหล่แบบห้อยไว้ท้ายรถ มันอาจจะบดบังกระจกหลังไปบ้าง แต่ใครแคร์ล่ะ?!?!

Defender ทำได้ยอดเยี่ยมเมื่อต้องบุกตะลุย แม้มันจะมีขนาดมหึมา ทว่าพวงมาลัยที่เซ็ตให้ตอบสนองไวก็ช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วในการบังคับทิศทางของล้อหน้าได้เป็นอย่างดี คันเร่งควบคุมง่ายในขณะใช้เกียร์อัตราทดต่ำ (4L) และยังสามารถใช้ครูสคอนโทรลที่ความเร็วต่ำเพียง 1.8 กม./ชม. ขึ้นไปได้อีกด้วย… ชาวออฟโรดทราบดีว่าการควบคุมความเร็วให้คงที่เมื่ออยู่ในเกียร์สโลว์บนทางที่เป็นหลุมบ่อ นั้นยากเพียงใด… Defender จะทำให้คุณเอง!

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
ช่องฝั่งซ้ายสามารถถอดออกเพื่อเปลี่ยนไปติดตั้งสน็อกเกิลแทนได้ โดยไม่ต้องดัดแปลงใดๆ
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
Defender มีล้อให้คุณเลือกมากมายถึง 12 ลาย จากขนาด 18-22 นิ้ว ในภาพคือลาย “Style 5094” ขอบ 20 นิ้ว
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร 240 แรงม้า, 430 นิวตันเมตร พละกำลังของมันอาจไม่หวือหวานัก แต่รับรองว่าเพียงพอสำหรับภารกิจบุกตะลุยหนักๆ แน่นอน

มันยังคงให้ความนุ่มนวลได้อย่างน่าเหลือเชื่อแม้จะอยู่ในโหมดออฟโรดที่ถุงลมถูกอัดอากาศเข้าไปมากกว่าปกติ (เพื่อยกรถให้สูงขึ้น) ช่วงล่างแบบอิสระทั้งสี่ล้อ ยืดและยุบไปตามหลุมบ่อในขณะที่ตัวถังเอียงเพียงเล็กน้อย เส้นทางแบบนี้พิสูจน์ให้เห็นความแกร่งของแพลตฟอร์ม D7x ได้ชัดแจ้ง การใช้ซับเฟรมทำจากเหล็กกล้าร่วมกับบอลจอยท์และบุ๊ชที่ทนทานเป็นพิเศษส่งให้ล้อรับแรงแนวดิ่งที่กระทำกับตัวรถได้มากสูงสุดถึง 7 ตัน

ในขณะที่แดมเปอร์แบบอแดปทีฟจะตรวจจับความเคลื่อนไหวของรถได้ถี่ถึง 500 ครั้งต่อวินาที เพื่อนำข้อมูลมาปรับการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทางอยู่เสมอ ส่งให้ Defender วิ่งบนทางขรุขระได้นุ่มนวลแม้จะใช้ความเร็วสูงก็ตาม

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
รูปทรงเรียบง่ายของแดชบอร์ดสะท้อนความคลาสสิคของ Defender รุ่นดั้งเดิม ห้องโดยสารใช้วัสดุที่ทนทานและหลังจากเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนระหว่างการบุกป่าฝ่าดง คุณสามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดายด้วยตัวเอง จอแสดงผลส่วนกลางมาพร้อมกับระบบอินโฟเทนเม้นต์ Pivi Pro เวอร์ชั่นล่าสุด ที่ลดทอนขั้นตอนการเรียกใช้งานระบบต่างๆ ออกไปได้มากกว่า 50% พร้อมรองรับระบบ 5G จึงช่วยให้คุณสามารถอัพเดตซอฟต์แวร์ต่างๆ ของรถได้เองโดยไม่ต้องเข้าศูนย์บริการ โดยระบบจะแจ้งเตือนให้ทราบเมื่อมีอะไรให้อัพเดตเพิ่มเติม
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
พวงมาลัยมีขนาดค่อนข้างใหญ่แต่ก็ยังใช้งานได้คล่องตัว ระบบบังคับเลี้ยวที่ตอบสนองได้ฉับไวช่วยให้การควบคุมรถง่ายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่แบบออฟโรดหรือใช้งานทั่วไปก็ตาม แผงควบคุมระบบต่างๆ บนก้านพวงมาลัยทั้งสองฝั่งจะมืดสนิทเมื่อดับเครื่อง และสว่างเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ เมื่อรถเริ่มทำงาน

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
 LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

ผมรับรองว่าคุณจะประทับใจมันไม่แพ้กันบนถนนปกติ ลืม Defender ที่กระเด้งกระดอนในอดีตไปได้เลย เจ้าแห่งออฟโรดของศตวรรษที่ 21 คือพาหนะสำหรับการเดินทางทุกรูปแบบอย่างแท้จริง มันขับเคลื่อนได้นุ่มนวลราวกับนั่งอยู่บนพรมวิเศษ คันของเราเป็นรุ่น D240 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 240 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 1,400 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 9.1 วินาที ไม่เลวนักสำหรับ SUV หนักกว่า 2 ตัน

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
จอแสดงผลสำหรับผู้ขับเป็นแบบดิจิตอลเต็มระบบ สามารถเลือกรูปแบบได้หลากหลาย รวมทั้งการแสดงแผนที่แบบเต็มจอเฉพาะที่นี่ เพื่อให้จอส่วนกลางบนแดชบอร์ดแสดงการใช้งานอื่นๆ คุณจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาละสายตาจากถนนเพื่อสลับหน้าจอส่วนกลางไปมา อ้อ! มีระบบ HUD แสดงข้อมูลบนกระจกหน้าติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วยเช่นกัน
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
ชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมเกียร์อัตราทดต่ำ พวกมันทำงานได้อย่างราบรื่นและแทบจะไร้รอยต่อ นอกจากนั้น คุณยังสามารถใช้ครูสคอนโทรลเพื่อควบคุมความเร็วได้ตั้งแต่ 1.8 กม./ชม. สำหรับการคืบคลานในบ่อโคลนได้อย่างเนียนๆ แม้ใช้เกียร์อัตราทดต่ำอยู่ก็ตาม
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
ปุ่มกลมที่ล้อมรอบจอดิจิตอล ใช้สำหรับหมุนเพื่อสั่งงานระบบปรับอากาศ และใช้หมุนเลือกโหมดการขับขี่ โดยหน้าจอจะดับลงและโหมดต่างๆ จะไปแสดงบนจอส่วนกลางบนแดชบอร์ดและจอมาตรวัดของผู้ขับขี่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงรอบต่ำ ที่น่าประหลาดใจก็คือ มันเป็นรถที่ขับได้ดีมากๆ พวงมาลัยตอบสนองดี ให้น้ำหนักพอเหมาะ ขณะที่ช่วงล่างถุงลมก็ซับแรงสั่นสะเทือนดีเยี่ยม ส่วนอาการโคลงเคลงของรถก็มีน้อยกว่าที่มันควรจะเป็น และคุณจะทึ่งไปกว่านั้นอีกเมื่อได้เห็นเจ้ายักษ์ใหญ่คันนี้ตอนเข้าโค้ง มันให้สัมผัสที่มั่นคงไม่ต่างจาก SUV รุ่นอื่นๆ ในคลาส (แต่จะมีอาการอันเดอร์สเตียร์มากกว่าปกติ เนื่องจากคันนี้ติดตั้งวินช์มาด้วย) เป็นอีกครั้งที่ต้องยกความดีความชอบให้กับช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
มีช่องเก็บและวางของมากมายทั่วทั้งห้องโดยสาร… มากเสียจนคุณอาจลืมว่าใส่อะไรไว้ตรงไหนบ้าง

ห้องโดยสารเป็นอีกโซนที่ได้รับการพัฒนาอย่างมาก ภายใต้บรรยากาศที่สะท้อนให้รำลึกถึงอดีตของ Defender รุ่นคลาสสิค แฝงไว้ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย ต้องปรบมือให้กับทีมออกแบบที่สามารถผสมผสานอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกันได้อย่างสอดประสานกลมกลืน จอแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบสำหรับผู้ขับ และจอระบบสัมผัสกลางแดชบอร์ดที่มาพร้อมกับระบบ Pivi Pro Infotainment เวอร์ชั่นล่าสุด ใช้งานง่ายและไหลลื่นใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟน

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
ส่วนหนึ่งของช่องเสียบสำหรับเชื่อมต่อและชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งมีให้หลายจุดทั่วห้องโดยสาร
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
มีช่องเก็บและวางของมากมายทั่วทั้งห้องโดยสาร… มากเสียจนคุณอาจลืมว่าใส่อะไรไว้ตรงไหนบ้าง
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

นอกจากนั้น คุณยังได้พื้นที่โดยรอบเหลือเฟือสำหรับทุกที่นั่ง บวกด้วยการเลือกใช้วัสดุที่ทนทานและสามารถทำความสะอาดได้ง่ายดาย ทว่ายังคงให้ความรู้สึกหรูหราสูงค่าสมกับราคา 6.4 ล้านบาทของมัน ทั้งยังมีรายการอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมให้เลือกอีกมากมาย – ผมหมายถึง มากมายจริงๆ – ให้คุณได้สั่งติดตั้งเพิ่มเติมอีกด้วย

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
นี่คือส่วนที่เจ๋งมากๆ! พื้นรถทั้งหมดเป็นยาง จึงทนทานและสามารถทำความสะอาดง่ายๆ ด้วยการเช็ดหรือใช้แปรงขัดได้ แถมมันยังดูเท่ๆ แมนๆ อีกด้วย
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
ชุดเครื่องเสียง Meridian มีให้เลือกตั้งแต่แบบ 6 ลำโพง 180 วัตต์, 10 ลำโพง 400 วัตต์ และ 14 ลำโพง 700 วัตต์ ในกรณีที่คุณต้องการเปลี่ยนห้องโดยสารให้เป็นคอนเสิร์ตฮอลล์
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
ถ้าคุณอยากรู้ขนาดความใหญ่โตของประตูล่ะก็… เบาะรองนั่ง (ของเบาะหน้า) อยู่ในระดับต่ำกว่าที่พักแขนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สองในสามส่วนที่เหลือของแผงประตูอยู่บริเวณใต้ขาของคุณไปจนถึงพื้นรถ! การตกแต่งด้วยหมุดน็อตรอบๆ ขอบ เพิ่มภาพลักษณ์บึกบึนได้เป็นอย่างดี

Defender แห่งศตวรรษที่ 21 ยังคงสะท้อนประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่บรรพบุรุษของมันสร้างเอาไว้ ได้อย่างน่าชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นสไตล์, ความแข็งแกร่ง หรือแม้กระทั่งความสามารถในแบบออฟโรด ทั้งยังลบจุดด้อยในเรื่องการใช้งานออนโรด (ที่ทำให้ครั้งอดีต มันเป็นรถเฉพาะกลุ่มจริงๆ) ออกไปได้จนหมดสิ้น ปัจจุบัน SUV ระดับตำนานรุ่นนี้ กลายเป็นพาหนะที่เข้าถึง… และเข้าอกเข้าใจ… ได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องใช้ทักษะการขับขี่ขั้นสูง และไม่ต้องนั่งกระเด้งกระดอนอยู่ในรถอีกต่อไป

ปัญหาเดียวก็คือ คุณพร้อมที่จะทำให้ทรัพย์สินมูลค่าร่วม 7 ล้านบาท บุบบี้หรือเป็นริ้วรอยไหม?

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
คุณจะได้พื้นที่เบาะหลังเหลือเฟือ ดังที่คาดหวังได้จากความใหญ่โตของรถ บวกด้วยช่องกระจกบานเล็กบนหลังคา เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Defender ที่ทีมออกแบบไม่ลืมใส่มาให้ในรถรุ่นใหม่

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S

LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
 
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
 
LAND ROVER DEFENDER 110 D240 S
พื้นที่เก็บสัมภาระมีความจุ 231 ลิตร เมื่อกางเบาะแถวที่สาม และจุสูงสุดถึง 2,233 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่สองและสามลง นอกจากนั้น ยังมีช่องเสียบปลั๊กไฟและ USB รวมทั้งการเตรียมพื้นที่เผื่อเอาไว้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้อีกมากมายโดยไม่ต้องดัดแปลงใดๆ

SPECIFICATIONS : LAND ROVER DEFENDER 110 D240 SE

  • Price From: 6,400,000 Baht
  • Engine: 1,999 cc. four-cylinder turbodiesel, 240ps @ 4,000rpm, 400Nm @ 1,400rpm
  • Transmission: 8-speed auto, four-wheel drive
  • Performance: 9.1 sec 0-100km/h, 187km/h top speed, 199g/km Co2
  • Weight: 2,133kg (approx.)

Check Also

Honda City Hatchback 2024 TURBO RS

รีวิว ลองขับ Honda City Hatchback 2024 TURBO RS เสริมความสปอร์ต เน้นความประหยัดสำหรับ Hot Hatch ตัวจริง

รีวิว ลองขับ Honda City Hatchback TURBO RS เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO ให้กำลัง 122 …