Breaking News

รีวิว Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive ขุมพลังดีเซลมอเตอร์ไฟฟ้า

รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive … GLE 350 de คือ เอสยูวีรุ่นแรกของโลก ที่นำมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาร่วมทำงานกับขุมพลังดีเซล

รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive

รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive พลังเทอร์โบดีเซล

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive

รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive

รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบแปรผัน “4Matic” รุ่นใหม่ สามารถถ่ายแรงบิดไปยังล้อคู่หน้าและหลังได้จาก 0-100% หรือที่ Merc เรียกว่า TonD (Torque on Demand) ทำงานผ่านคลัตช์ในชุดถ่ายกำลังเพื่อกระจายแรงบิดไปยังล้อโดยขึ้นอยู่กับสภาพการยึดเกาะ และโหมดการขับขี่ในขณะนั้น ระบบจะขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลังเท่านั้น เมื่อขับทางตรงที่ความเร็วเกิน 70 กม./ชม. ขึ้นไป เพื่อลดความเสียดทานที่เกิดขึ้นในระบบ (หากขับเคลื่อนล้อหน้าร่วมด้วย) จึงช่วยให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกระดับ
รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ฐานล้อยาวถึง 3 เมตร ช่วยให้พื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขวางอย่างยิ่ง ตัวถังเน้นไปที่การลดอากาศหมุนวนซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดเสียงลมดังรบกวนเข้ามาในห้องโดยสาร ด้วยการใช้สปอยเลอร์บริเวณซุ้มล้อ, ปรับรูปทรงของกระจกมองข้าง นอกจากนั้น ยังปิดใต้ท้องรถ, เพลากลาง และช่วงล่างด้านหลัง ร่วมด้วยถังเก็บเชื้อเพลิงที่แนบสนิทกับตัวถัง และดิฟฟิวเซอร์กันชนหลังที่ออกแบบให้สามารถลดการหมุนวนอากาศลงได้ เพื่อลดเสียงลมบริเวณท้ายรถ ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอยู่ที่ 0.29cd เมื่อเทียบกับ 0.32cd ของโมเดลก่อนหน้านี้

เครื่องยนต์ดีเซลปลั๊กอินไฮบริด? ผมไม่ได้เขียนผิดแต่อย่างใด… GLE 350 de คือเอสยูวีรุ่นแรกของโลกที่นำมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมระบบชาร์จไฟ เข้ามาร่วมทำงานกับขุมพลังดีเซล และผลที่ได้นั้นยอดเยี่ยมเกินคาด 

ผมขอเริ่มจากราคาก่อน เอสยูวีรุ่นใหญ่ของ Merc คันนี้ มีราคา 4.7 ล้านบาท มันถูกตัดอุปกรณ์ต่างๆ ออกไปพอสมควร เมื่อเทียบกับเกรดสูงกว่าอย่าง 300 d อาทิ หลังคากระจก, อแดปทีฟครูสคอนโทรล, กล้องรอบทิศทาง, เบาะแถวที่สองปรับด้วยไฟฟ้า และไม่มีเบาะแถวที่สาม เป็นต้น แต่เรายังคงยืนยันว่า GLE 350 de เป็นรถที่คุ้มค่าที่สุดในเรนจ์ของมัน และยังรวมไปถึงรถคลาสเดียวกันอีกด้วย

เหตุผลก็คือ คุณยังคงได้รับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เพียงพอและครอบคลุมการใช้งานทั่วไป บวกด้วยอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่าถึงเกือบครึ่งต่อครึ่ง ทั้งยังได้สมรรถนะที่ดีกว่า… 0-100 กม./ชม. ใน 6.8 วินาที เทียบกับ 7.2 วินาที ของ 300 d และคุณยังประหยัดไปอีกถึง 4.9 แสนบาท หรือครึ่งล้านทีเดียว

รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ไฟหน้าเป็น LED แบบมาตรฐาน ไม่มีไฟสูงอัตโนมัติหรือการปรับตามโค้ง อย่างไรก็ตาม มันยังคงให้ความสว่างเป็นอย่างดี และส่องได้ไกลทีเดียว
รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ไฟ DRL แบบเส้นคู่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Mercedes โดยเส้นนอกจะสลับเป็นไฟเลี้ยว และเส้นในจะหรี่แสงลงอัตโนมัติเพื่อไม่ให้แสงฟุ้งไปรบกวนสัญญาณไฟเลี้ยว
รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ระบบ Plug-in Hybrid ใน GLE เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Merc นับตั้งแต่พวกเขาเริ่มนำมาใช้ครั้งแรกกับ S400 ในปี 2009 นอกจากใช้ในการขับเคลื่อนแล้ว ระบบไฟฟ้ายังเป็นแหล่งพลังงานให้กับระบบปรับอากาศอีกด้วย นั่นหมายถึงคุณสามารถสั่งเปิดการทำความเย็น (จากรีโมท, ก่อนขึ้นรถ) ได้ โดยไม่ต้องติดเครื่องยนต์ ทั้งประหยัดน้ำมันและไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ส่วนท้ายของรถได้รับการปรับดีไซน์ภายในตัวถังและขยับเลย์เอาท์ของช่วงล่างด้านหลัง เพื่อเพิ่มพื้นที่ไว้สำหรับเก็บแบตเตอรี่ของระบบไฮบริด จึงไม่สูญเสียพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ

เอสยูวีขนาดมหึมา เริ่มต้นด้วยการใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานหลักในการขับเคลื่อน เฉพาะมอเตอร์อย่างเดียวให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า และ 440 นิวตันเมตร เหลือเฟือสำหรับการรับมือกับน้ำหนักกว่า 2.6 ตัน การขับขี่ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวทำระยะทางได้สูงสุดราว 100 กม. และทำความเร็วสูงสุดที่ 160 กม./ชม. แรงบิดระดับเดียวกับที่เครื่องยนต์ดีเซลทั่วไปทำได้ หมายถึง GLE

ซึ่งตอนนี้กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเงียบและปราศจากมลพิษ สามารถซอกแซกไปตามกระแสการจราจรในเมืองได้อย่างคล่องแคล่ว ข้อได้เปรียบของ Instant Torque จากมอเตอร์ไฟฟ้าคือกุญแจสำคัญ ช่วยให้สมรรถนะของ 350 de ยังคงเพียงพอสำหรับการขับขี่โดยไม่ต้องใช้ความช่วยเหลือจากเครื่องยนต์

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ไฟท้ายเป็น LED ทั้งหมด พร้อมกรอบไฟเรืองแสงที่มีดีไซน์แปลกใหม่ ชุดไฟท้ายนี้สามารถปรับความสว่างให้เหมาะสมกับสภาพแสงโดยรอบได้อัตโนมัติ เพื่อให้สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนเสมอ ทั้งยังลดการแยงตาผู้ขับรถคันหลังอีกด้วย

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive

เรามุ่งหน้าออกนอกเมือง เพิ่มความเร็วและปลุกขุมพลังเทอร์โบดีเซลขึ้นจากภวังค์ มันเข้ามาร่วมขับเคลื่อนโดยมอบอีก 194 แรงม้า และ 400 นิวตันเมตร ให้กับ GLE เมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจะได้พลังรวมที่ 320 แรงม้า, 700 นิวตันเมตร เป็นอีกเรื่องที่ 350 de ทำได้เหนือกว่า 300d (245 แรงม้า, 500 นิวตันเมตร)

แรงบิดยังคงเป็นตัวเอกที่ช่วยให้การเร่งไต่ความเร็วทำได้อย่างทันใจ ชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ มีอัตราทดค่อนข้างห่างเพื่อลดทอนความรุนแรงของอัตราเร่ง ผลที่ได้คือความนุ่มนวลขณะเพิ่มความเร็ว แต่การเปลี่ยนจังหวะเกียร์ยังไม่ฉับไวเท่าที่ควร แม้จะใช้แพดเดิลในโหมด Sport ก็ตาม

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ส่วนหน้าของรถ มีการใช้แผ่นออร์กาโนซึ่งเป็นวัสดุผสมเสิรมแรงด้วยเส้นใยและผ่านการบีบอัดขึ้นรูปเพื่อให้ได้ความแกร่งสูง ทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่าโลหะอย่างมาก มันสามารถนำมาหลอมรวมให้เป็นชิ้นเดียวกับโพลีโพรพีลีนได้จึงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเชื่อม (ซึ่งมีโอกาสแยกออกจากกันได้) อีกต่อไป กล่าวโดยรวมก็คือ วัสดุผสมนี้ช่วยให้น้ำหนักเบากว่าปกติถึง 30%, ลดการบิดตัวของโครงสร้าง และเพิ่มความแข็งแกร่งเมื่อเกิดแรงปะทะ (ชนจากด้านหน้า) นอกจากนั้น ยังไม่จำเป็นต้องพ่นสีเนื่องจากพวกมันไม่เป็นสนิม คุณจึงเห็นพื้นผิวสุดพิเศษนี้ได้อย่างชัดเจน
Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลใช้เสื้อสูบอะลูมิเนียมและกระบอกสูบเคลือบด้วย NANOSLIDE เพื่อลดความฝืด และใช้หัวฉีดเจเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งมีแรงดันสูงขึ้นกว่าเดิม ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จจาก 10-100% ด้วย DC ใช้เวลา 20 นาที, ด้วยสถานีชาร์จ AC แบบสามเฟส 3 ชม. 25 นาที และชาร์จ AC 7.4 กิโลวัตต์ ไฟหนึ่งเฟสใช้เวลา 5 ชั่วโมง

ช่วงล่างเป็นสปริงขดแบบสปอร์ตที่เตี้ยกว่ารุ่นมาตรฐาน 15 มม. แม้ไม่ใช่ถุงลมแต่ก็สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี การทรงตัวอยู่ในระดับที่มั่นใจได้เมื่อขับด้วยความเร็วบนมอเตอร์เวย์หรือทางด่วน ทว่าไม่สามารถรับมือกับการเข้าโค้งได้ น้ำหนักมหาศาล

บวกด้วยความสูงของรถแปรเปลี่ยนเป็นแรงเหวี่ยงด้านข้างที่ส่งให้ตัวรถเอียงจนไม่น่าไว้ใจ ระบบบังคับเลี้ยวให้น้ำหนักที่ดีและตอบสนอง แต่ไม่ได้เซ็ตมาให้เฉียบคมนัก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถประเภทเอสยูวีที่เน้นเรื่องการใช้งานทั่วไปมากกว่าประสิทธิภาพการบังคับควบคุมขั้นสูง

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
เปลี่ยนจากห้องโดยสารแบบสปอร์ตในโมเดลก่อนหน้านี้ มาสู่ความเรียบง่ายและภาพลักษณ์แบบบึกบึนในรุ่นล่าสุด แม้จะมีคอนโซลกลางขนาดมหึมาแต่พื้นที่โดยรอบของผู้โดยสารตอนหน้าก็ยังมีให้กว้างขวางเหลือเฟือ ไม่มีหลังคากระจกมาให้ในรุ่น 350 de แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะบรรยากาศโดยรวมดูโปร่งโล่งโอ่อ่าอยู่แล้ว
Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ระบบบังคับเลี้ยวให้น้ำหนักที่ดีตลอดย่านความเร็ว การตอบสนองก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แน่นอนว่า ไม่ได้เฉียบคมนักเนื่องจากไม่ใช่จุดประสงค์หลักของรถประเภทนี้… GLE ให้การบังคับควบคุมที่ดีและเกาะถนน แต่ช่วงล่างไม่สามารถรับมือกับน้ำหนักมหาศาลของมันได้ ส่งให้ตัวถังเอียงตัวค่อนข้างมากเมื่อเข้าโค้ง
Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
คันเกียร์ติดตั้งไว้ที่คอพวงมาลัย กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Merc ไปแล้ว ชุดเกียร์ 9 จังหวะ “9G-TRONIC” มีอัตราทดกว้างเพื่อเฉลี่ยแรงบิดมหาศาลให้ถ่ายทอดออกมาได้นุ่มนวลและเพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองด้วยรอบเครื่องต่ำเมื่ออยู่ในเกียร์สูงๆ ความพิเศษของชุดเกียร์ที่ใช้กับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าก็คือ ระบบล็อคอัพคลัตช์จะทำงานทันทีที่เริ่มออกตัว และมีคลัตช์เพิ่มขึ้นมาอีกชุดติดตั้งคั่นอยู่ระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ ปั๊มน้ำมันเกียร์แบบไฟฟ้าจะยังคงทำงานต่อเนื่องแม้ในโหมด Start/Stop เพื่อให้เกียร์พร้อมทำงานทันทีเมื่อรถเคลื่อนตัวอีกครั้ง

บนความเร็วเดินทาง GLE เผยให้เห็นด้านที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมัน ไม่เพียงทำได้อย่างน่าประทับใจในเมือง แต่นี่คือพาหนะสำหรับการขับขี่ทางไกลเช่นกัน กว้างขวางโอ่โถง, นั่งสบายทุกตำแหน่ง และเงียบสงบ แม้ในขณะที่ขุมพลังดีเซลทำงานด้วยรอบสูงเพื่อเร่งแซง

เสียงเครื่องยนต์แทบไม่สามารถแทรกเข้ามาในห้องโดยสารได้ เช่นเดียวกับเสียงลมและยาง ที่เข้ามาให้ได้ยินเพียงแผ่วเบา ต้องยกความดีความชอบให้กับความพยายามลดเสียงรบกวนตั้งแต่การดีไซน์ตัวถังเพื่อลดกระแสลมหมุน,

ปรับปรุงตำแหน่งจุดยึดเครื่องยนต์และช่วงล่างเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน, ฉนวนผนังห้องเครื่องแบบฉีดขึ้นรูปจึงมีความหนาเท่ากันตลอดแนวผนัง, ฉนวนบริเวณพื้นห้องโดยสารและซุ้มล้อได้รับการออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับเครื่องยนต์แต่ละชนิดเพื่อให้สามารถตัดเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นได้ตรงจุด เรื่อยไปถึงการใช้พรมปูพื้นที่ประกอบด้วยวัสดุลดเสียงแบบต่างๆ รวม 4 ชั้นด้วยกัน

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
โหมด Off-road จะตัดการทำงานของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และใช้เฉพาะเครื่องยนต์เท่านั้น ระบบ 4Matic จะล็อคการกระจายแรงบิด หน้า:หลัง ไว้ที่ 50:50 และแปรผันได้เมื่อต้องการแทร็คชั่นเพิ่มเติม นอกจากนั้น ระบบยังสามารถสั่งเบรกเฉพาะบางล้อเพื่อสร้างแทร็คชั่นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เพราะใช้ช่วงล่างแบบสปริงธรรมดา จึงไม่สามารถปรับยกตัวถังเพื่อเพิ่มระยะห่างใต้ท้องรถได้
Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
อาจกล่าวได้ว่านี่คือจอภาพที่งดงามที่สุดในบรรดารถยนต์ด้วยกัน… ระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) มาพร้อมกับ AI ที่สามารถเรียนรู้และเข้าใจคำสั่งต่างๆ ได้ คุณสามารถเรียกใช้งานด้วยการพูดประโยค “Hey Mercedes” และบอกสิ่งที่ต้องการให้มันทำงาน ระบบสามารถแยกแยะคำสั่งที่มาจากผู้ขับกับผู้นั่งได้อีกด้วย ชุดเครื่องเสียงเป็นแบบมาตรฐาน มาพร้อมกับลำโพง 7 ตัว ซึ่งรวมถึงลำโพง “Frontbass” ที่ติดตั้งไว้บริเวณผนังห้องเครื่องฝั่งขวา เพื่อช่วยเพิ่มความกังวาลและให้แรงสั่นสะเทือนตามจังหวะเพลง แต่ Merc คงลืมไปว่านี่คือรถพวงมาลัยขวา และแรงสั่นสะเทือนของเบสก็สั่นระรัวอยู่ที่เท้าของผู้ขับ รบกวนสมาธิและน่ารำคาญอย่างไม่น่าให้อภัย

แต่จุดสำคัญที่ทำให้ GLE 350 de เป็นรถที่เราหลงรักก็คือ อัตราเร่งที่ดีและอัตราสิ้นเปลืองยอดเยี่ยม มันอาจไม่ใช่รถที่ขับสนุกเหมือน BMW X5 แต่การนำข้อดีของเครื่องยนต์ดีเซลที่เด่นเรื่องประหยัดและแรงบิด มารวมเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งไม่ใช้เชื้องเพลิง, ปราศจากมลพิษ และให้แรงบิดสูงเช่นกัน ทำให้มันเป็นรถที่กระฉับกระเฉง, ทรงพลัง

ขณะเดียวกันก็ยังประหยัดน้ำมันได้ดีอีกด้วย เราทำได้ 18.6 กม./ลิตร ในโหมดไฮบริดจากการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูงเป็นส่วนใหญ่

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
บางครั้งความเรียบง่ายก็เป็นทางออกที่ดีกว่า… สวิตช์สำหรับควบคุมระบบปรับอากาศและอื่นๆ อีกเล็กน้อย ถูกเรียงรายไว้เป็นแถวเดียวกัน ช่วยให้ใช้งานได้อย่างง่ายดาย และไม่ต้องละสายตาจากถนนเป็นเวลานานๆ เพื่อมองหาเหมือนกับการกดเลือกผ่านหน้าจอระบบสัมผัส
Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ตกแต่งด้วยไฟ LED รอบห้องโดยสาร สามารถเปลี่ยนสีได้ตามโหมดการขับขี่ที่เลือก หรือเลือกเปลี่ยนเองได้อีกหลายเฉดสีผ่านเมนูปรับแต่งบนจอแสดงผลส่วนกลาง

อย่าลืมว่าคุณมีเกือบ 100 กม. จากมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ หากชาร์จไว้เต็มความจุอีกต่างหาก และถ้าระยะทางดังกล่าวครอบคลุมการใช้งานต่อหนึ่งวันของคุณ หมายถึงการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์เพราะเครื่องยนต์ดีเซลจะไม่ถูกสตาร์ทขึ้นมาเลยตลอดการขับขี่ จึงแทบไม่ต่างอะไรนักกับใช้รถ EV จริงๆ

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
เลือกรูปแบบการขับขี่ต่างๆ ได้จากสวิตช์ที่เราคุ้นเคยกันดี โหมดพิเศษที่มีเฉพาะกลุ่มรถไฮบริดคือ “BL” ที่จะหยุดการทำงานของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ในกรณีที่คุณต้องการเก็บแบตเตอรี่ไว้ใช้ขับขี่ภายหลัง ส่วนโหมด Eco จะปล่อยให้รถ “ไหล” ได้อย่างอิสระเพื่อให้ได้ระยะทางเพิ่มขึ้นโดยไม่สูญเสียพลังงานใดๆ ด้วยการตัดเครื่องยนต์เข้าสู่รอบเดินเบาทันทีที่ถอนคันเร่งและแยกออกจากเกียร์โดยสิ้นเชิง หรือในกรณีที่ระบบตรวจพบโอกาสที่จะชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้ จะสั่งดับเครื่องยนต์, เข้าเกียร์ว่าง และใช้มอเตอร์สตาร์ทเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเพื่อให้รถสามารถไหลได้ไกลยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ในระหว่างถอนคันเร่ง พลังงานจลน์ที่เกิดจากมอเตอร์สตาร์ทยังสามารถนำกลับมาชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้อัตโนมัติอีกด้วย

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive

ร่วมด้วยห้องโดยสารกว้างขวาง, การเก็บเสียงที่ดี และช่วงล่างนุ่มนวล ตลอดจนราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้มา ถ้าคุณต้องการเอสยูวีคันใหญ่สำหรับครอบครัว GLE 350 de พลังดีเซลไฮบริดคันนี้จึงเป็นรถที่ควรเก็บไว้พิจารณาเป็นอันดับต้นๆ

SPECIFICATIONS : Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive

  • Price: ฿4,699,000
  • Engine: 1950cc turbodiesel inline-4, 194hp @ 3800rpm, 400Nm @ 1600-2800rpm, e-motor 136hp, 440Nm (320hp, 700Nm combined)
  • Transmission: 9-speed automatic, all-wheel drive
  • Performance: 6.8sec 0-100km/h, 210km/h top speed, 29g/km CO2
  • Weight: 2655kg
  • NCAP rating: 5 stars

Check Also

MG5 10th Anniversary Special Edition

รีวิว ลองขับ MG5 10th Anniversary Special Edition รุ่นพิเศษที่เสริมออปชัน แต่ยังคงความคุ้มค่าในเรื่องราคา

รีวิว ลองขับ MG5 10th Anniversary Special Edition เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ขนาด 1.5 …