Breaking News

รีวิว Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive ขุมพลังดีเซลมอเตอร์ไฟฟ้า

รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive … GLE 350 de คือ เอสยูวีรุ่นแรกของโลก ที่นำมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาร่วมทำงานกับขุมพลังดีเซล

รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive

รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive พลังเทอร์โบดีเซล

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive

รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive

รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบแปรผัน “4Matic” รุ่นใหม่ สามารถถ่ายแรงบิดไปยังล้อคู่หน้าและหลังได้จาก 0-100% หรือที่ Merc เรียกว่า TonD (Torque on Demand) ทำงานผ่านคลัตช์ในชุดถ่ายกำลังเพื่อกระจายแรงบิดไปยังล้อโดยขึ้นอยู่กับสภาพการยึดเกาะ และโหมดการขับขี่ในขณะนั้น ระบบจะขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลังเท่านั้น เมื่อขับทางตรงที่ความเร็วเกิน 70 กม./ชม. ขึ้นไป เพื่อลดความเสียดทานที่เกิดขึ้นในระบบ (หากขับเคลื่อนล้อหน้าร่วมด้วย) จึงช่วยให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกระดับ
รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ฐานล้อยาวถึง 3 เมตร ช่วยให้พื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขวางอย่างยิ่ง ตัวถังเน้นไปที่การลดอากาศหมุนวนซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดเสียงลมดังรบกวนเข้ามาในห้องโดยสาร ด้วยการใช้สปอยเลอร์บริเวณซุ้มล้อ, ปรับรูปทรงของกระจกมองข้าง นอกจากนั้น ยังปิดใต้ท้องรถ, เพลากลาง และช่วงล่างด้านหลัง ร่วมด้วยถังเก็บเชื้อเพลิงที่แนบสนิทกับตัวถัง และดิฟฟิวเซอร์กันชนหลังที่ออกแบบให้สามารถลดการหมุนวนอากาศลงได้ เพื่อลดเสียงลมบริเวณท้ายรถ ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอยู่ที่ 0.29cd เมื่อเทียบกับ 0.32cd ของโมเดลก่อนหน้านี้

เครื่องยนต์ดีเซลปลั๊กอินไฮบริด? ผมไม่ได้เขียนผิดแต่อย่างใด… GLE 350 de คือเอสยูวีรุ่นแรกของโลกที่นำมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมระบบชาร์จไฟ เข้ามาร่วมทำงานกับขุมพลังดีเซล และผลที่ได้นั้นยอดเยี่ยมเกินคาด 

ผมขอเริ่มจากราคาก่อน เอสยูวีรุ่นใหญ่ของ Merc คันนี้ มีราคา 4.7 ล้านบาท มันถูกตัดอุปกรณ์ต่างๆ ออกไปพอสมควร เมื่อเทียบกับเกรดสูงกว่าอย่าง 300 d อาทิ หลังคากระจก, อแดปทีฟครูสคอนโทรล, กล้องรอบทิศทาง, เบาะแถวที่สองปรับด้วยไฟฟ้า และไม่มีเบาะแถวที่สาม เป็นต้น แต่เรายังคงยืนยันว่า GLE 350 de เป็นรถที่คุ้มค่าที่สุดในเรนจ์ของมัน และยังรวมไปถึงรถคลาสเดียวกันอีกด้วย

เหตุผลก็คือ คุณยังคงได้รับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เพียงพอและครอบคลุมการใช้งานทั่วไป บวกด้วยอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่าถึงเกือบครึ่งต่อครึ่ง ทั้งยังได้สมรรถนะที่ดีกว่า… 0-100 กม./ชม. ใน 6.8 วินาที เทียบกับ 7.2 วินาที ของ 300 d และคุณยังประหยัดไปอีกถึง 4.9 แสนบาท หรือครึ่งล้านทีเดียว

รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ไฟหน้าเป็น LED แบบมาตรฐาน ไม่มีไฟสูงอัตโนมัติหรือการปรับตามโค้ง อย่างไรก็ตาม มันยังคงให้ความสว่างเป็นอย่างดี และส่องได้ไกลทีเดียว
รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ไฟ DRL แบบเส้นคู่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Mercedes โดยเส้นนอกจะสลับเป็นไฟเลี้ยว และเส้นในจะหรี่แสงลงอัตโนมัติเพื่อไม่ให้แสงฟุ้งไปรบกวนสัญญาณไฟเลี้ยว
รีวิว ทดสอบ Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ระบบ Plug-in Hybrid ใน GLE เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Merc นับตั้งแต่พวกเขาเริ่มนำมาใช้ครั้งแรกกับ S400 ในปี 2009 นอกจากใช้ในการขับเคลื่อนแล้ว ระบบไฟฟ้ายังเป็นแหล่งพลังงานให้กับระบบปรับอากาศอีกด้วย นั่นหมายถึงคุณสามารถสั่งเปิดการทำความเย็น (จากรีโมท, ก่อนขึ้นรถ) ได้ โดยไม่ต้องติดเครื่องยนต์ ทั้งประหยัดน้ำมันและไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ส่วนท้ายของรถได้รับการปรับดีไซน์ภายในตัวถังและขยับเลย์เอาท์ของช่วงล่างด้านหลัง เพื่อเพิ่มพื้นที่ไว้สำหรับเก็บแบตเตอรี่ของระบบไฮบริด จึงไม่สูญเสียพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ

เอสยูวีขนาดมหึมา เริ่มต้นด้วยการใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานหลักในการขับเคลื่อน เฉพาะมอเตอร์อย่างเดียวให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า และ 440 นิวตันเมตร เหลือเฟือสำหรับการรับมือกับน้ำหนักกว่า 2.6 ตัน การขับขี่ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวทำระยะทางได้สูงสุดราว 100 กม. และทำความเร็วสูงสุดที่ 160 กม./ชม. แรงบิดระดับเดียวกับที่เครื่องยนต์ดีเซลทั่วไปทำได้ หมายถึง GLE

ซึ่งตอนนี้กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเงียบและปราศจากมลพิษ สามารถซอกแซกไปตามกระแสการจราจรในเมืองได้อย่างคล่องแคล่ว ข้อได้เปรียบของ Instant Torque จากมอเตอร์ไฟฟ้าคือกุญแจสำคัญ ช่วยให้สมรรถนะของ 350 de ยังคงเพียงพอสำหรับการขับขี่โดยไม่ต้องใช้ความช่วยเหลือจากเครื่องยนต์

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ไฟท้ายเป็น LED ทั้งหมด พร้อมกรอบไฟเรืองแสงที่มีดีไซน์แปลกใหม่ ชุดไฟท้ายนี้สามารถปรับความสว่างให้เหมาะสมกับสภาพแสงโดยรอบได้อัตโนมัติ เพื่อให้สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนเสมอ ทั้งยังลดการแยงตาผู้ขับรถคันหลังอีกด้วย

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive

เรามุ่งหน้าออกนอกเมือง เพิ่มความเร็วและปลุกขุมพลังเทอร์โบดีเซลขึ้นจากภวังค์ มันเข้ามาร่วมขับเคลื่อนโดยมอบอีก 194 แรงม้า และ 400 นิวตันเมตร ให้กับ GLE เมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจะได้พลังรวมที่ 320 แรงม้า, 700 นิวตันเมตร เป็นอีกเรื่องที่ 350 de ทำได้เหนือกว่า 300d (245 แรงม้า, 500 นิวตันเมตร)

แรงบิดยังคงเป็นตัวเอกที่ช่วยให้การเร่งไต่ความเร็วทำได้อย่างทันใจ ชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ มีอัตราทดค่อนข้างห่างเพื่อลดทอนความรุนแรงของอัตราเร่ง ผลที่ได้คือความนุ่มนวลขณะเพิ่มความเร็ว แต่การเปลี่ยนจังหวะเกียร์ยังไม่ฉับไวเท่าที่ควร แม้จะใช้แพดเดิลในโหมด Sport ก็ตาม

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ส่วนหน้าของรถ มีการใช้แผ่นออร์กาโนซึ่งเป็นวัสดุผสมเสิรมแรงด้วยเส้นใยและผ่านการบีบอัดขึ้นรูปเพื่อให้ได้ความแกร่งสูง ทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่าโลหะอย่างมาก มันสามารถนำมาหลอมรวมให้เป็นชิ้นเดียวกับโพลีโพรพีลีนได้จึงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเชื่อม (ซึ่งมีโอกาสแยกออกจากกันได้) อีกต่อไป กล่าวโดยรวมก็คือ วัสดุผสมนี้ช่วยให้น้ำหนักเบากว่าปกติถึง 30%, ลดการบิดตัวของโครงสร้าง และเพิ่มความแข็งแกร่งเมื่อเกิดแรงปะทะ (ชนจากด้านหน้า) นอกจากนั้น ยังไม่จำเป็นต้องพ่นสีเนื่องจากพวกมันไม่เป็นสนิม คุณจึงเห็นพื้นผิวสุดพิเศษนี้ได้อย่างชัดเจน
Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลใช้เสื้อสูบอะลูมิเนียมและกระบอกสูบเคลือบด้วย NANOSLIDE เพื่อลดความฝืด และใช้หัวฉีดเจเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งมีแรงดันสูงขึ้นกว่าเดิม ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จจาก 10-100% ด้วย DC ใช้เวลา 20 นาที, ด้วยสถานีชาร์จ AC แบบสามเฟส 3 ชม. 25 นาที และชาร์จ AC 7.4 กิโลวัตต์ ไฟหนึ่งเฟสใช้เวลา 5 ชั่วโมง

ช่วงล่างเป็นสปริงขดแบบสปอร์ตที่เตี้ยกว่ารุ่นมาตรฐาน 15 มม. แม้ไม่ใช่ถุงลมแต่ก็สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี การทรงตัวอยู่ในระดับที่มั่นใจได้เมื่อขับด้วยความเร็วบนมอเตอร์เวย์หรือทางด่วน ทว่าไม่สามารถรับมือกับการเข้าโค้งได้ น้ำหนักมหาศาล

บวกด้วยความสูงของรถแปรเปลี่ยนเป็นแรงเหวี่ยงด้านข้างที่ส่งให้ตัวรถเอียงจนไม่น่าไว้ใจ ระบบบังคับเลี้ยวให้น้ำหนักที่ดีและตอบสนอง แต่ไม่ได้เซ็ตมาให้เฉียบคมนัก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถประเภทเอสยูวีที่เน้นเรื่องการใช้งานทั่วไปมากกว่าประสิทธิภาพการบังคับควบคุมขั้นสูง

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
เปลี่ยนจากห้องโดยสารแบบสปอร์ตในโมเดลก่อนหน้านี้ มาสู่ความเรียบง่ายและภาพลักษณ์แบบบึกบึนในรุ่นล่าสุด แม้จะมีคอนโซลกลางขนาดมหึมาแต่พื้นที่โดยรอบของผู้โดยสารตอนหน้าก็ยังมีให้กว้างขวางเหลือเฟือ ไม่มีหลังคากระจกมาให้ในรุ่น 350 de แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะบรรยากาศโดยรวมดูโปร่งโล่งโอ่อ่าอยู่แล้ว
Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ระบบบังคับเลี้ยวให้น้ำหนักที่ดีตลอดย่านความเร็ว การตอบสนองก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แน่นอนว่า ไม่ได้เฉียบคมนักเนื่องจากไม่ใช่จุดประสงค์หลักของรถประเภทนี้… GLE ให้การบังคับควบคุมที่ดีและเกาะถนน แต่ช่วงล่างไม่สามารถรับมือกับน้ำหนักมหาศาลของมันได้ ส่งให้ตัวถังเอียงตัวค่อนข้างมากเมื่อเข้าโค้ง
Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
คันเกียร์ติดตั้งไว้ที่คอพวงมาลัย กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Merc ไปแล้ว ชุดเกียร์ 9 จังหวะ “9G-TRONIC” มีอัตราทดกว้างเพื่อเฉลี่ยแรงบิดมหาศาลให้ถ่ายทอดออกมาได้นุ่มนวลและเพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองด้วยรอบเครื่องต่ำเมื่ออยู่ในเกียร์สูงๆ ความพิเศษของชุดเกียร์ที่ใช้กับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าก็คือ ระบบล็อคอัพคลัตช์จะทำงานทันทีที่เริ่มออกตัว และมีคลัตช์เพิ่มขึ้นมาอีกชุดติดตั้งคั่นอยู่ระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ ปั๊มน้ำมันเกียร์แบบไฟฟ้าจะยังคงทำงานต่อเนื่องแม้ในโหมด Start/Stop เพื่อให้เกียร์พร้อมทำงานทันทีเมื่อรถเคลื่อนตัวอีกครั้ง

บนความเร็วเดินทาง GLE เผยให้เห็นด้านที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมัน ไม่เพียงทำได้อย่างน่าประทับใจในเมือง แต่นี่คือพาหนะสำหรับการขับขี่ทางไกลเช่นกัน กว้างขวางโอ่โถง, นั่งสบายทุกตำแหน่ง และเงียบสงบ แม้ในขณะที่ขุมพลังดีเซลทำงานด้วยรอบสูงเพื่อเร่งแซง

เสียงเครื่องยนต์แทบไม่สามารถแทรกเข้ามาในห้องโดยสารได้ เช่นเดียวกับเสียงลมและยาง ที่เข้ามาให้ได้ยินเพียงแผ่วเบา ต้องยกความดีความชอบให้กับความพยายามลดเสียงรบกวนตั้งแต่การดีไซน์ตัวถังเพื่อลดกระแสลมหมุน,

ปรับปรุงตำแหน่งจุดยึดเครื่องยนต์และช่วงล่างเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน, ฉนวนผนังห้องเครื่องแบบฉีดขึ้นรูปจึงมีความหนาเท่ากันตลอดแนวผนัง, ฉนวนบริเวณพื้นห้องโดยสารและซุ้มล้อได้รับการออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับเครื่องยนต์แต่ละชนิดเพื่อให้สามารถตัดเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นได้ตรงจุด เรื่อยไปถึงการใช้พรมปูพื้นที่ประกอบด้วยวัสดุลดเสียงแบบต่างๆ รวม 4 ชั้นด้วยกัน

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
โหมด Off-road จะตัดการทำงานของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และใช้เฉพาะเครื่องยนต์เท่านั้น ระบบ 4Matic จะล็อคการกระจายแรงบิด หน้า:หลัง ไว้ที่ 50:50 และแปรผันได้เมื่อต้องการแทร็คชั่นเพิ่มเติม นอกจากนั้น ระบบยังสามารถสั่งเบรกเฉพาะบางล้อเพื่อสร้างแทร็คชั่นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เพราะใช้ช่วงล่างแบบสปริงธรรมดา จึงไม่สามารถปรับยกตัวถังเพื่อเพิ่มระยะห่างใต้ท้องรถได้
Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
อาจกล่าวได้ว่านี่คือจอภาพที่งดงามที่สุดในบรรดารถยนต์ด้วยกัน… ระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) มาพร้อมกับ AI ที่สามารถเรียนรู้และเข้าใจคำสั่งต่างๆ ได้ คุณสามารถเรียกใช้งานด้วยการพูดประโยค “Hey Mercedes” และบอกสิ่งที่ต้องการให้มันทำงาน ระบบสามารถแยกแยะคำสั่งที่มาจากผู้ขับกับผู้นั่งได้อีกด้วย ชุดเครื่องเสียงเป็นแบบมาตรฐาน มาพร้อมกับลำโพง 7 ตัว ซึ่งรวมถึงลำโพง “Frontbass” ที่ติดตั้งไว้บริเวณผนังห้องเครื่องฝั่งขวา เพื่อช่วยเพิ่มความกังวาลและให้แรงสั่นสะเทือนตามจังหวะเพลง แต่ Merc คงลืมไปว่านี่คือรถพวงมาลัยขวา และแรงสั่นสะเทือนของเบสก็สั่นระรัวอยู่ที่เท้าของผู้ขับ รบกวนสมาธิและน่ารำคาญอย่างไม่น่าให้อภัย

แต่จุดสำคัญที่ทำให้ GLE 350 de เป็นรถที่เราหลงรักก็คือ อัตราเร่งที่ดีและอัตราสิ้นเปลืองยอดเยี่ยม มันอาจไม่ใช่รถที่ขับสนุกเหมือน BMW X5 แต่การนำข้อดีของเครื่องยนต์ดีเซลที่เด่นเรื่องประหยัดและแรงบิด มารวมเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งไม่ใช้เชื้องเพลิง, ปราศจากมลพิษ และให้แรงบิดสูงเช่นกัน ทำให้มันเป็นรถที่กระฉับกระเฉง, ทรงพลัง

ขณะเดียวกันก็ยังประหยัดน้ำมันได้ดีอีกด้วย เราทำได้ 18.6 กม./ลิตร ในโหมดไฮบริดจากการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูงเป็นส่วนใหญ่

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
บางครั้งความเรียบง่ายก็เป็นทางออกที่ดีกว่า… สวิตช์สำหรับควบคุมระบบปรับอากาศและอื่นๆ อีกเล็กน้อย ถูกเรียงรายไว้เป็นแถวเดียวกัน ช่วยให้ใช้งานได้อย่างง่ายดาย และไม่ต้องละสายตาจากถนนเป็นเวลานานๆ เพื่อมองหาเหมือนกับการกดเลือกผ่านหน้าจอระบบสัมผัส
Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
ตกแต่งด้วยไฟ LED รอบห้องโดยสาร สามารถเปลี่ยนสีได้ตามโหมดการขับขี่ที่เลือก หรือเลือกเปลี่ยนเองได้อีกหลายเฉดสีผ่านเมนูปรับแต่งบนจอแสดงผลส่วนกลาง

อย่าลืมว่าคุณมีเกือบ 100 กม. จากมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ หากชาร์จไว้เต็มความจุอีกต่างหาก และถ้าระยะทางดังกล่าวครอบคลุมการใช้งานต่อหนึ่งวันของคุณ หมายถึงการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์เพราะเครื่องยนต์ดีเซลจะไม่ถูกสตาร์ทขึ้นมาเลยตลอดการขับขี่ จึงแทบไม่ต่างอะไรนักกับใช้รถ EV จริงๆ

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive
เลือกรูปแบบการขับขี่ต่างๆ ได้จากสวิตช์ที่เราคุ้นเคยกันดี โหมดพิเศษที่มีเฉพาะกลุ่มรถไฮบริดคือ “BL” ที่จะหยุดการทำงานของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ในกรณีที่คุณต้องการเก็บแบตเตอรี่ไว้ใช้ขับขี่ภายหลัง ส่วนโหมด Eco จะปล่อยให้รถ “ไหล” ได้อย่างอิสระเพื่อให้ได้ระยะทางเพิ่มขึ้นโดยไม่สูญเสียพลังงานใดๆ ด้วยการตัดเครื่องยนต์เข้าสู่รอบเดินเบาทันทีที่ถอนคันเร่งและแยกออกจากเกียร์โดยสิ้นเชิง หรือในกรณีที่ระบบตรวจพบโอกาสที่จะชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้ จะสั่งดับเครื่องยนต์, เข้าเกียร์ว่าง และใช้มอเตอร์สตาร์ทเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเพื่อให้รถสามารถไหลได้ไกลยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ในระหว่างถอนคันเร่ง พลังงานจลน์ที่เกิดจากมอเตอร์สตาร์ทยังสามารถนำกลับมาชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้อัตโนมัติอีกด้วย

Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive

ร่วมด้วยห้องโดยสารกว้างขวาง, การเก็บเสียงที่ดี และช่วงล่างนุ่มนวล ตลอดจนราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้มา ถ้าคุณต้องการเอสยูวีคันใหญ่สำหรับครอบครัว GLE 350 de พลังดีเซลไฮบริดคันนี้จึงเป็นรถที่ควรเก็บไว้พิจารณาเป็นอันดับต้นๆ

SPECIFICATIONS : Mercedes-Benz GLE 350 de 4Matic Exclusive

  • Price: ฿4,699,000
  • Engine: 1950cc turbodiesel inline-4, 194hp @ 3800rpm, 400Nm @ 1600-2800rpm, e-motor 136hp, 440Nm (320hp, 700Nm combined)
  • Transmission: 9-speed automatic, all-wheel drive
  • Performance: 6.8sec 0-100km/h, 210km/h top speed, 29g/km CO2
  • Weight: 2655kg
  • NCAP rating: 5 stars

Check Also

Honda City Hatchback 2024 TURBO RS

รีวิว ลองขับ Honda City Hatchback 2024 TURBO RS เสริมความสปอร์ต เน้นความประหยัดสำหรับ Hot Hatch ตัวจริง

รีวิว ลองขับ Honda City Hatchback TURBO RS เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO ให้กำลัง 122 …