Breaking News

รีวิว ลองขับ MG IM6 Premium รถไฟฟ้า SUV ขับสบาย ช่วงล่างนุ่ม เงียบ ห้องโดยสารกว้าง ออปชันครบ ในราคาคุ้มค่าเพียง 1.4 ล้านบาท

รีวิว ลองขับ MG IM6 Premium มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังที่ 295 แรงม้า ช่วงล่างนุ่มแบบ “มาร์ชเมลโล” ระบบกันเสียงดีเยี่ยม พวงมาลัยเบา ฟังก์ชันครบครัน

MG IM6 Premium 2025

รีวิว ลองขับ MG IM6 Premium – รถไฟฟ้า SUV ร่างใหญ่ สบาย นุ่ม คุ้มค่า

MG IM6 Premium

MG IM6 คือรถในกลุ่มผลิตภัณฑ์อนุกรม “IM” (Intelligence in Motion) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง SAIC บริษัทแม่ของ MG และ Alibaba เทคยักษ์ใหญ่ของจีน มุ่งเน้นไปยังการยกระดับความไฮเทคและหรูหราจาก MG ขึ้นไปอีกขั้น… ต้องบอกก่อนว่า “IM6” คือเวอร์ชั่นจำหน่ายต่างประเทศ (เริ่มจากไทยและออสเตรเลีย)

โดย “ตัดอุปกรณ์” บางอย่างออกไปจากรุ่น “LS6” ซึ่งมีขายในประเทศจีนมาตั้งแต่ปลายปี 2023 (และรีเฟรชในปี 2024) อาทิ LiDAR พร้อมระบบขับขี่และเข้าจอดอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้แผนที่ความละเอียดสูง, LED Display ที่ชุดไฟท้าย, จอขนาด 15.5 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารเบาะหน้า, พวงมาลัยทรงครึ่งวงกลม, การปรับเบาะโหมด Zero Gravity เป็นต้น

หน้าตาและสัมผัสของวัสดุในห้องโดยสารยังไม่อาจแสดงถึงความหรูหราได้เท่าที่ควร หนังสังเคราะห์ตลอดจนการตัดเย็บที่ไม่เรียบร้อยบางจุด และการบุนุ่มชิ้นส่วนต่างๆ ที่ “เกินจำเป็น” ส่งให้ดูปูดโปนจนรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวคุณพองๆ บวมๆ ไปหมด แต่ที่ต้องชื่นชมคือเบาะที่นุ่มสบายและมีขนาดใหญ่มากๆ

ส่วนการเก็บเสียงก็ทำได้ดีเช่นกัน มีเสียงลมให้ได้ยินไม่มากนักแม้ขับที่ความเร็วระดับ 120 กม./ชม. ก็ตาม ต้องขอบคุณกระจก Acoustic รอบคัน และระบบ Road Noise Cancelation ที่ส่งคลื่นเสียงออกมาจากลำโพงรถเพื่อหักล้างกับเสียงภายนอก

คันทดสอบของเราเป็นเกรด Premium มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว สำหรับขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 295 แรงม้า และแรงบิดที่ 450 นิวตันเมตร เร่งจากจุดยุดนิ่งสู่ 100 กม./ชม. ได้ใน 5.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 210 กม.//ชม. นับว่าทรงพลังพอสมควร แม้จะเป็นเกรดเริ่มต้นก็ตาม

IM6 ตอบสนองกระฉับกระเฉงตามแบบฉบับของรถไฟฟ้า การขับขี่ซอกแซกไปตามการจราจรในเมืองจึงคล่องแคล่วอย่างยิ่ง แม้มีตัวถังขนาดมหึมาก็ตาม ช่วงล่างอิสระสี่ล้อทำงานร่วมกับแดมเปอร์และคอยล์สปริง ให้ความนุ่มนวลแบบ “มาร์ชเมลโล” ตามสไตล์รถจากประเทศจีนส่วนใหญ่

นั่นหมายถึง ที่ความเร็วทั่วไป IM6 เป็นรถที่นั่งสบายอย่างยิ่ง สามารถซับแรงสั่นสะเทือนขณะวิ่งผ่านทางขรุขระได้ดี ขณะที่พวงมาลัยน้ำหนักเบาและระบบเลี้ยวล้อหลังช่วยให้การกลับรถยาว 5 เมตร ง่ายดายยิ่งขึ้น

บนมอเตอร์เวย์ IM6 ก็ทำได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความนุ่มนวลและการตัดเสียงรบกวนภายนอก การบังคับควบคุมยังให้ความมั่นใจได้ดีที่ความเร็วระดับ 120 กม./ชม. ทั้งในทางตรงและขณะเปลี่ยนเลน มีเพียงพวงมาลัยเท่านั้นที่ยังเบามือไปหน่อยและสื่อสารไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่

สิ่งนี้จะสัมผัสได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่ออยู่บนทางคดเคี้ยว การตอบสนองของระบบบังคับเลี้ยวด้วยไฟฟ้าที่ “สังเคราะห์” เกินไป ลดทอนความเฉียบคมขณะเข้าโค้ง ส่วนช่วงล่างที่นุ่มนิ่มก็ไม่สามารถรับมือกับตัวรถที่หนักกว่า 2.2 ตัน ได้ ส่งให้มีการเอียงตัวค่อนข้างมาก

ขณะที่ระบบเบรกซึ่งแม้จะทรงพลังทว่าให้สัมผัสขณะเหยียบไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร เหล่านี้ทำให้ IM6 ช่วงล่างคอยล์สปริง ไม่เหมาะกับการสร้างความบันเทิงในโค้งสักเท่าไหร่นัก

แล้ว MG IM6 Premium เหมาะกับอะไร? SUV ร่างใหญ่ของ MG คันนี้ เป็นรถที่ดีสำหรับการใช้งานทั่วไป ด้วยความนุ่มนวลของช่วงล่าง, ห้องโดยสารกว้างขวาง, อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน และราคาเพียง 1.4 ล้านบาท

นับว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้มา IM6 สามารถใช้งานได้ดีทั้งในและนอกเมือง หากคุณไม่ใส่ใจกับเรื่องพละกำลังและแฮนด์ลิง ตลอดจนความหรูหรามากนัก นี่คือรถที่คุณสามารถเอาใส่ไว้ในลิสต์เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกได้เช่นกัน

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
ฐานล้อที่ยาวถึง 2,950 มม. นับว่ายาวเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับรถจีนในคลาสเดียวกัน ดีไซน์ตัวถังเน้นความโค้งมนเป็นหลัก ช่องรับอากาศที่กันชนหน้ามาพร้อมแผ่นกั้นอากาศ เปิด/ปิด อัตโนมัติ ส่วนท้ายรถแบบลาดต่ำเมื่อรวมกับกระจกบานหลังขนาดเล็กที่ต้องวางเอียงตามไปด้วย ทำให้ทัศนวิสัยด้านท้าย (เมื่อมองจากกระจกมองหลัง) บีบแคบ… MG ทราบดีถึงปัญหานี้ จึงให้ระบบแสดงภาพ (ผ่านกล้องหลัง) บนหน้าจอมาให้ด้วย… ซึ่งก็ไม่ค่อยช่วยให้อะไรดีขึ้นอยู่ดี

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
ชุดไฟหน้า Full-LED มีไฟ DRL สองตำแหน่ง โดยตำแหน่งล่าง (4 จุด จัดเรียงแนวนอน) ทำหน้าที่เป็นไฟเลี้ยวในตัว สปอตไลต์เป็น LED เช่นกัน

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
บาร์ไฟหรี่พาดยาวตลอดความกว้าง และติดสว่างเป็นไฟเบรกยาวตลอดทั้งเส้นเช่นกัน พื้นที่ด้านล่างซึ่งเป็นลายกราฟฟิก เดิมคือที่อยู่ของ LED Display ในเวอร์ชั่น LS6 ซึ่งจะแสดงกราฟฟิกและ Animation ต่างๆ ได้ ส่วนไฟเลี้ยวอยู่ที่ขอบด้านล่าง ไฟถอยหลังและไฟตัดหมอกหลังติดตั้งไว้ที่ส่วนล่างของกันชน

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
มือเปิดประตูแบบ Pop-up ตามสไตล์รถยุคนี้ จุดเด่นคือเพียงแค่สอดมือเข้าไปด้านใน ประตูก็จะเปิดออกอัตโนมัติโดยไม่ต้องดึงมือเปิด (หรือจะดึงก็ได้) ส่วนการเปิดจากในรถใช้การกดปุ่มบริเวณที่วางแขน และมีมือเปิดแบบกลไกซ่อนไว้ในช่องเก็บของที่แผงประตู เผื่อไว้ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดในการทำงานของระบบไฟฟ้า ส่วนฝาท้ายมีระบบเตะเปิด และกดปุ่มเปิด โดยออกแบบให้ปุ่มอยู่ที่ส่วน “ทรงกลม” ชิ้นบนของโลโก้ ‘IM’ เป็นไอเดียที่เท่มากๆ
MG IM6 Premium 2025
‘IM’ (Intelligence in Motion) ถูกวางให้เป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมของยนตรกรรมของ SIAC Group ร่วมทุนกับ Alibaba โดยมีเป้าหมายที่จะปฏิวัติวงการยานยนต์ โดยนำพาผู้บริโภคไปสู่ยุคใหม่แห่งความเป็นเลิศของรถยนต์ไฟฟ้า โดยมี IM6 SUV และ IM5 Sedan เป็นรถรุ่นแรกของแบรนด์ พวกเขายังคงใช้ชื่อ “MG” นำหน้า แต่คาดว่าจะเหลือเพียง “IM” ในอนาคต หลังจากแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้าง

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
ในเกรด Premium มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ชุด ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 295 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กม.//ชม. ใช้แบตเตอรี่ชนิด LFP ความจุ 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกล 550 กม. NEDC หรือ 450 กม. WLTP โดยประมาณ รองรับการชาร์จ DC สูงสุด 153 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จจาก 30-80 เปอร์เซ็นต์ ประมาณ 20 นาที พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่ขณะชาร์จ คุณสามารถเปิดฝาครอบจุดชาร์จได้จากหน้าจอในรถ หรือกดเปิดที่ฝาได้โดยตรง และกดปิดด้วยปุ่มที่ติดตั้งไว้ด้านใน

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 รูปแบบ เมื่อเลือกโหมด Sport คุณจะได้อ่านข้อความแสดงสรรพคุณของอัตราเร่งที่ IM6 ทำได้… ที่น่าสนใจจริงๆ คือโหมด Custom ที่มีเมนูให้เลือกปรับแต่งได้หลากหลายมากๆ ทำให้คุณได้รถที่ขับขี่ได้ตรงกับความต้องการ (หรือสไตล์การขับขี่) อย่างแท้จริง นอกจากนั้น หากคุณ “หลังพิงฝา” ยังมีโหมด ‘Super ECO Lite’ ให้เลือกใช้ เพื่อประหยัดพลังงาน “ขั้นสุด” ให้เหลือพอจะวิ่งไปถึงสถานีชาร์จได้

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
แม้ไม่มี LiDAR เหมือนใน IM LS6 เวอร์ชั่นจีน แต่เท่าที่มีมาให้ในระบบ ADAS ของ IM6 ก็ถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว… ระบบ Intelligent Pilot Device (IPD) ทำงานด้วย NVIDIA Orin N (แม้จะไม่แรงเท่า Orin X ที่ใช้ใน LS6 แต่ก็ยอดเยี่ยมสำหรับระบบที่ไม่มี LiDAR) ร่วมกับกล้อง HD จำนวน 9 ตำแหน่ง, เซนเซอร์อัลตร้าโซนิก 12 จุด, เรดาร์ mmWave จำนวน 3 จุด บวกด้วย Position Unit และ Inertial Measurement Unit (IMU) ที่ช่วยให้ระบบ ADAS ทำงานได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีสัญญาณดาวเทียมและวิสัยทัศน์ต่ำจนกล้องตรวจจับไม่ได้

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
ด้วยเซนเซอร์รอบคันและ NVIDIA Orin N ส่งให้ IM6 ขับขี่แบบกึ่งอัตโนมัติได้อย่างเป็นธรรมชาติและชาญฉลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงความเร็วต่ำที่ขับเคลื่อนเองได้น่าประทับใจ คุณสามารถเปิดใช้ระบบอแดปทีฟครูสคอนโทรลได้ง่ายๆ ด้วยการกดที่คันเกียร์ลงอีกครั้ง (หลังจากอยู่ในตำแหน่ง D แล้ว) โดยปรับเพิ่มหรือลดความเร็วและระยะห่างจากรถคันหน้าได้จากแพดเดิลหลังพวงมาลัย นอกจากนั้น ด้วยกล้องรอบทิศทางและเซนเซอร์ทั่วทั้งคัน ยังช่วยให้ระบบจอด (และออกจากที่จอด) ทำงานได้แม่นยำ ที่สำคัญคือเป็นระบบแบบ “กดครั้งเดียว” บนหน้าจอ ก็ทำงานเลย สะดวกต่อการใช้งานอย่างยิ่ง ทั้งยังมาพร้อมระบบถอยหลังกลับอัตโนมัติ ที่ถอยได้ไกลถึง 100 เมตรทีเดียว

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
IM6 มีระบบเลี้ยวล้อหลังมาให้ด้วย จึงสามารถกลับรถหรือเลี้ยวในที่แคบได้ง่ายเหมือนรถขนาดเล็ก ร่วมด้วย ‘Crab Mode’ ที่เลี้ยวล้อหลังไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า มีประโยชน์เมื่อเลี้ยวที่แคบมากๆ จนตัวถัง (ด้านในโค้ง) ใกล้เบียดกับขอบผนัง, เสาอาคาร หรือรถคันข้างๆ โดยเปิดโหมดนี้และหักเลี้ยวในทิศทางตรงข้ามกับด้านที่จะเบียด รถจะเลื่อนออกห่างจากวัตถุนั้นๆ ยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณเลี้ยวออกไปได้ในที่สุด นอกจากนั้น ยังมีโหมดต่างๆ ให้เลือกอีกมากมาย อาทิ ‘Pet Mode’ ในกรณีที่ต้องให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในรถ หลังจากรล็อครถระบบปรับอากาศจะทำงานต่อไปพร้อมข้อความแจ้งให้ผู้คนทราบ และโหมดการทำงานอื่นๆ อีกมากมาย… จนคุณอาจลืมไปเลยว่า IM6 มีโหมดพวกนั้นอยู่ด้วย

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
ระบบเบรกจาก Continental ประกอบด้วยคาลิเปอร์หน้าแบบ 4 ลูกสูบ และหลังแบบ 1 ลูกสูบสไลด์ พร้อมจานเบรกแบบมีช่องระบายความร้อนทั้งสี่ล้อ พร้อมระบบทำความสะอาดเบรกอัตโนมัติ (หลังลุยน้ำท่วม) ให้พลังเบรกที่เพียงพอสำหรับหยุดพลังของรถ แต่ยังมีสัมผัสที่ไม่เป็นธรรมชาตินักไม่ว่าจะอยู่ในเซ็ตติ้งใดก็ตาม ในเกรด Premium ให้ล้อแบบ Aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว และยางต่างขนาด (235/50, 255/45 ตามลำดับ) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนช่างล่างใช้สปริงขดและแดมเปอร์ธรรมดา (เกรด Performance เป็นถุงลมและแดมเปอร์แปรผันความหนืดอัตโนมัติ) นุ่มนวลและเกาะถนนในระดับที่ไว้วางใจได้ แต่นิ่มเกินไปสำหรับโค้งแคบๆ หรือถนนคดเคี้ยว ส่วนระบบบังคับเลี้ยวก็ยังให้สัมผัสแบบสังเคราะห์มากเกินไป จึงสื่อสารคความเป็นไปของล้อหน้ามาสู่มือได้ไม่ดีนัก

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
ฐานล้อที่ยาวเกือบ 3 เมตร และตัวถังขนาดใหญ่ ร่วมด้วยหลังคากระจกยาวเกือบเต็มพื้นที่เพดาน ส่งให้ห้องโดยสารโอ่อ่าและมีที่วางขาเหลือเฟือสำหรับทุกที่นั่ง เบาะทั้งสี่มีขนาดใหญ่และนั่งนุ่มสบายด้วยการใช้วัสดุรองรับแตกต่างกันถึง 10 ชั้น เบาะคู่หน้าเป็นแบบปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบระบายอากาศ ขณะที่เบาะหลังสามารถปรับเอนได้สูงสุด 18 องศา และพับเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ ใช้การบุนุ่มทั่วทั้งห้องโดยสารทำให้ภาพรวมดูบวมๆ ไปหมด

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
จุดเด่นภายในห้องโดยสารของ IM6 คือจอแนวนอนที่ทอดยาวบนแดชบอร์ด ซึ่งเป็นจอเดียวต่อเนื่องขนาด 26.3 นิ้ว โดยโซนขวาของจอ (สำหรับผู้ขับขี่, ไม่มีระบบทัชสกรีน) แสดงข้อมูลคร่าวๆ ทั่วไป และปรับเปลี่ยนรูปแบบได้แค่นิดหน่อย ส่วนโซนซ้ายของจอเป็นระบบสัมผัส แสดงผลจากโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก รองรับการเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto รวมไปถึงแสดงผลอื่นๆ บางส่วนที่รับมาจากจอด้านล่างขนาด 10.5 นิ้ว ระบบสัมผัส จอนี้รวบรวมฟังก์ชั่นต่างๆ ของรถเอาไว้ทั้งหมด รวมไปถึงการบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งและการปรับกระจกมองข้างตามสไตล์รถจีน… หวือหวาแต่ใช้งานยาก

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025

MG IM6 Premium 2025
การควบคุมฟังก์ชั่นบางส่วนสามารถทำได้จากสวิตช์หมุนขึ้นลง (และโยกซ้ายขวาได้) ทั้งสองบนพวงมาลัย อุปกรณ์มาตรฐานมีติดตั้งมาให้ยาวเป็นหางว่าว และมีเกือบทั้งหมดเหมือนกับเกรด Performance นั่นรวมไปถึงคีย์การ์ด, แท่นชาร์จโทรศัพท์พร้อมระบบระบายความร้อน และจุดยึดแม่เหล็กสำหรับติดอุปกรณ์เสริมต่างๆ ซึ่งเราแนะนำอย่างยิ่งว่าควรติดเมื่อรถจอดอยู่กับที่และถอดออกหากต้องขับขี่ เพื่อความปลอดภัยหากเกิดอุบัติเหตุ

MG IM6 Premium 2025

SPECIFICATIONS: MG IM6 PREMIUM

  • Price: ฿1,399,900
  • Powertrain: Single rear e-motor, 295hp, 450Nm, 75kWh LFP Battery Pack
  • Transmission: Single-speed automatic, rear-wheel drive
  •  Performance: 5.9sec 0-100km/h, 210km/h top speed, 550km range (NEDC)
  • Weight: 2280kg

Check Also

Honda e:N1 2025 มุมเฉียงด้านหน้ารถไฟฟ้า EV compact city car

รีวิว Honda e:N1 EV 100% – SUV ไฟฟ้า 204 แรงม้า วิ่งไกล 500 กม. ราคาเริ่มต้น 1,199,000 บาท

รีวิว ลองขับ Honda e:N1 SUV พลังงานไฟฟ้า 100% ดีไซน์ใกล้เคียง Honda HR-V แต่เพิ่มความล้ำสมัย ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กม. ราคา …