รีวิว ลองขับ MINI Countryman S ALL4 Hightrim ใหม่ ขับสนุกแบบ Go-Kart ฟีลลิ่งยังชัด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แฮนด์ลิงหนึบแน่น พร้อมจอกลางทรงกลมสุดโดดเด่น

รีวิว ลองขับ MINI Countryman S ALL4 Hightrim – ใหญ่ขึ้น ขับมันขึ้น
MINI Countryman S ALL4 Hightrim
Countryman รุ่นขายดีของ MINI กลับมาอีกครั้งพร้อมตัวถังที่ใหญ่กว่าเดิม และแน่นอน… บุคลิกกระฉับกระเฉงตามแบบฉบับของพวกเขา เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ Countryman ใหม่ สูงกว่าเดิม 60 มม. และยาวขึ้นถึง 130 มม. ส่งให้ห้องโดยสารโปร่งโล่งอย่างเห็นได้ชัด Mini SUV จึงเป็นมิตรกับการเดินทางไกลยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เบนซินเทอร์โบชาร์จ ให้กำลัง 204 แรงม้า และแรงบิด 300 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ คลัตช์คู่ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ “ALL4’ เร่งจากจุดหยุดนิ่งสู่ 100 กม./ชม. ได้ใน 7.4 วินาที เร็วกว่าคู่แข่งของมันทั้ง Audi Q3, Volvo XC40 หรือแม้กระทั่งรถใต้หลังคาเดียวกันอย่าง BMW X1
แต่ต้องยอมรับว่า 204 แรงม้า ในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องน่าทึ่งอีกต่อไป Countryman S คล่องแคล่วทว่ายังไม่ใช่รถที่ดุดันมากพอสำหรับสนองความบันเทิง “ไม่” แม้กระทั่งในโหมด ‘GO-KART’ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับคู่แข่งในคลาสเดียวกัน
นี่คือรถที่โดดเด่นที่สุดในด้านแฮนด์ลิง ทั้งหนักแน่น, เฉียบขาด และตอบสนอง ในแบบที่คุณคาดหวังได้จาก MINI ระบบบังคับเลี้ยวสื่อสารดีเยี่ยม ขณะที่ช่วงล่างก็เกาะหนึบและจัดการกับการเอียงตัวเมื่อเข้าโค้งได้อย่างน่าทึ่ง… แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความขึงตึงมากกว่าคู่ปรับของมัน
พละกำลังเพียงพอสำหรับการขับขี่ทางไกล คุณสามารถเร่งแซงจากความเร็วระดับ 100 ขึ้นไปได้อย่างไม่ต้องลุ้น การเก็บเสียงยังไม่เงียบกริบแต่ก็อยู่ในข่ายที่รับได้ ขณะที่ช่วงล่างให้สัมผัสมั่นคงขณะเปลี่ยนเลนไปมา แต่ต้องเสียสละความนุ่มนวลเป็นการทดแทน
สิ่งนี้เห็นผลชัดเจนขึ้นเมื่อขับขี่บนถนนขรุขระที่ความเร็วต่ำ และอย่าให้ชื่อ ‘MINI’ หลอกคุณ เพราะ Countryman ไม่ใช่รถขนาดจิ๋วอีกต่อไป มันกว้างมากกว่า 2 เมตรเมื่อวัดรวมกระจกมองข้าง นั่นทำให้การซอกแซกบนถนนแคบไม่ค่อยสะดวกนัก
คุณต้องชอบจอแสดงผลส่วนกลางทรงกลมอย่างแน่นอน หรืออย่างน้อยที่สุดลูกๆ ของคุณก็น่าจะถูกสีสันสดใสและกราฟฟิกน่ารักๆ ของมัน ดึงความสนใจไปได้ไม่ยาก นอกจากเป็นศูนย์รวมการควบคุมแล้ว หน้าจอนี้ยังทำหน้าที่เป็นผู้แสดงข้อมูลการขับขี่แบบเดียวกับมาตรวัดทั่วไปอีกด้วย โดยมีระบบ HUD เพื่อแสดงข้อมูล “ย่อๆ” ที่เหนือคอพวงมาลัยเท่านั้น
ข้อดีก็คือ ผู้ขับมีทัศนวิสัยด้านหน้าดีขึ้นเนื่องจากไม่มีจอมาตรวัดมาบดบังส่วนล่างของกระจกหน้า แต่ข้อเสียคือคุณต้องละสายตามามองหน้าจอหากต้องการทราบข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราสิ้นเปลืองแบบเรียลไทม์, สัญญาณไฟ, รอบเครื่อง เป็นต้น
MINI Countryman S มีราคาสูงเป็นอันดับต้นๆ (2.8 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน นั่นทำให้มันเป็นตัวเลือกที่เฉพาะเจาะจงสำหรับคนที่ชอบรถดีไซน์สนุกๆ และให้แฮนด์ลิงที่มั่นใจได้ ถ้าสองเหตุผลนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับคุณ ลองพิจารณารถคู่แข่งคันอื่นๆ ก่อนตัดสินใจเลือกจะดีที่สุดครับ

ดีไซน์ของ MINI Countryman ใหม่ เป็นไปในทิศทางเดียวกับภาษาการออกแบบล่าสุดของ MINI มุ่งเน้นความทันสมัย ดิจิทัล และมีเอกลักษณ์ชัดเจน สะท้อนการเปลี่ยนผ่านสู่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบภายในปี 2030 ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับจิตวิญญาณดั้งเดิมของแบรนด์ ด้วยรูปโฉมทรงกล่องและเส้นสายมินิมอล และสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์ของ MINI ทั้งการวางล้อทั้งสี่ไว้ชิดแต่ละมุมของตัวถัง, ฝากระโปรงหน้าขนาดกะทัดรัด และกระจกรอบคันที่แบ่งส่วนตัวถังและหลังคาออกจากกันอย่างชัดเจน

Countryman เจเนอเรชั่นล่าสุด สูง, ยาว และกว้างกว่าเดิม (60, 130 และ 21 มม. ตามลำดับ) และมีฐานล้อยาวกว่ารุ่นที่แล้ว 22 มม. เหล่านี้ส่งให้ห้องโดยสารกว้างขวางกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ซุ้มล้อขนาดใหญ่และผายออกมามากขึ้นช่วยเพิ่มภาพลักษณ์บึกบึนขณะที่การลดทอนเส้นสาย (ที่ปกติก็แทบไม่มีอยู่แล้ว) ให้น้อยลง ช่วยให้ตัวรถดูเบาและลื่นไหลต่อเนื่องทั่วทั้งคันยิ่งขึ้น



กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ซ่อนเรดาร์ไว้ตรงกลางโดยใช้ลายเส้นประต่อเนื่องกับกระจัง ไฟ DRL ด้านหน้าและไฟท้ายสามารถเปลี่ยนการแสดงแพทเทิร์นได้ 3 รูปแบบ และทั้งหมดจะแสดงแอนิเมชั่นเพื่อต้อนรับ (ปลดล็อครถ) และอำลา (ล็อครถ) แตกต่างกันไปตามแพทเทิร์นที่คุณเลือก

ฝาท้ายออกแบบให้เรียบเนียนกลมกลืนไปกับชุดไฟท้าย ส่งให้มุมมองด้านหลังรถดูกว้างและแบน ขณะที่เสา C ใช้แถบขนาดใหญ่มาบังส่วนของเสาหลังคาที่ออกแบบให้รองรับโครงสร้างหลังคาได้ดียิ่งขึ้น พร้อมลวดลายกราฟฟิกและตัวอักษรบ่งบอกชื่อรุ่นย่อยของรถ

เครื่องยนต์เบนซินความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที และทำแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ได้ตั้งแต่รอบต่ำที่ 1,450 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ คลัตช์คู่ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 7.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 228 กม./ชม.




MINI เรียกตัวเลือกรูปแบบการขับขี่ว่า “Experience Mode” ซึ่งมีให้เลือกมากมาย แต่มีเพียงโหมด ‘GO-KART’ เท่านั้นที่ให้สัมผัสแตกต่างอย่างชัดเจน แต่ละโหมดจะมีการแสดงผล (บนจอส่วนกลาง) ด้วยเสียง, รูปแบบ และสีสันที่แตกต่างกันออกไป พร้อมไฟจากขาตั้งด้านหลังจอที่จะฉายรูปแบบแสงต่างๆ เปลี่ยนไปตามโหมดที่เลือก และในฐานะที่เป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อจึงมีโหมดออฟโรดให้เลือกใช้งาน พร้อมกราฟฟิกแสดงข้อมูลการขับขี่บนทางวิบากบนหน้าจอ

ระบบบังคับเลี้ยวให้การตอบสนองยอดเยี่ยม ทั้งยังว่องไว, มีน้ำหนักเหมาะสม และสื่อสารทิศทางของล้อคู่หน้ามาสู่มือได้ชัดเจน เมื่อรวมกับช่วงล่างที่ปรับปรุงแดมเปอร์และเหล็กกันโคลงใหม่ ส่งให้รถมีแฮนด์ลิงน่าประทับใจ ทั้งยังคล่องแคล่วตามแบบฉบับของ MINI แม้เป็นรถสูงก็ตาม ล้อขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 245/45 ทำให้รถรุ่นใหม่มีเส้นผ่าศูนย์กลางล้อเพิ่มขึ้น 30 มม. จึงได้ระยะห่างใต้ท้องรถมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้เล็กน้อย

ระบบช่วยเหลือขณะขับขี่มาพร้อมกับโหมดขับขี่กึ่งอัตโนมัติ โดยผู้ขับไม่ต้องจับพวงมาลัย ซึ่งสามารถทำงานได้ถึงความเร็วสูงสุดที่ 60 กม./ชม. นอกจากนั้น ยังมีฟังก์ชั่นช่วยจอดอัตโนมัติซึ่งทำงานได้ดียิ่งขึ้นจากการใช้เซนเซอร์อัลตร้าโซนิค 12 จุด และกล้องอีก 4 ตัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบแสดงภาพ 360 องศา


MINI ขึ้นชื่อในเรื่องการทำให้รถขนาดเล็กมีห้องโดยสารที่กว้างขวาง และปรัชญานี้ยังคงถูกนำมาใช้จนถึงปัจจุบันซึ่งตัวรถไม่ได้ “จิ๋ว” เหมือนชื่อแบรนด์อีกต่อไป แดชบอร์ดที่เรียบง่ายและค่อนข้างแนบไปกับกระจกบานหน้า ร่วมด้วยแผงประตูที่บางเฉียบและหลังคาที่สูงกว่าเดิม คือกุญแจสำคัญที่ส่งให้ภายในโปร่งโล่ง ใช้การตกแต่งด้วยผ้าสังเคราะห์เพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่น ที่น่าสนใจคือการใช้รูปทรงผืนผ้าแนวตั้งที่ช่องแอร์และมือเปิดประตูมาตัดกับทรงกลมของหน้าจอหลักบนแดชบอร์ดได้อย่างสร้างสรรค์

การเปลี่ยนจากคันเกียร์แบบปกติที่ฟลอร์คอนโซลไปใช้สวิตช์แบบโยกที่รวมไว้เป็นส่วนหนึ่งของชุดควบคุมใต้จอแสดงผลส่วนกลาง ช่วยเปิดพื้นที่กว้างให้กับระบบชาร์จไร้สาย, ช่องวางของ และช่องวางขวดน้ำ ตลอดจนกล่องเก็บของขนาดใหญ่ดีไซน์เก๋ที่จัดวางไว้ระหว่างเบาะคู่หน้า

มีเพียง HUD ขนาดเล็ก ที่ให้ข้อมูลหลักแก่ผู้ขับ ส่วนข้อมูลอื่นๆ ถูกย้ายไปแสดงที่จอ OLED ส่วนกลางทรงกลมระบบสัมผัส ขนาด 24 ซม. ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุด ‘Mini Operating System 9’ ซึ่งใช้พื้นฐานจากซอฟต์แวร์ AOSP (Android Open Source Project) มาพัฒนาเองโดย BMW Group สามารถประมวลผลและตอบสนองได้อย่างรวดเร็วไม่ต่างจาก Smartphone ร่วมด้วยกราฟฟิกที่สดใสสวยงาม และความคมชัดสูงมาก ภายในจอทรงกลมถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน (แนวนอน) โดยส่วนบนแสดงข้อมูลการขับขี่แทนมาตรวัดของผู้ขับ, ส่วนกลางสำหรับแอปฯ และเมนูต่างๆ ของรถ ที่ส่วนล่างเป็น Shortcut เข้าสู่ระบบที่ใช้บ่อยๆ เช่น ระบบปรับอากาศ, ระบบนำทาง, มีเดีย, แอปฯ เป็นต้น

ระบบ “Hey MINI!” สามารถสั่งการด้วยเสียงหรือกดปุ่มบนพวงมาลัย ทำงานสมจริงยิ่งขึ้นจากการปรับปรุงระบบการจดจำเสียงใหม่ สามารถควบคุมระบบนำทาง โทรศัพท์ ความบันเทิง และฟังก์ชันอื่นๆ ของรถยนต์ได้มากมาย เพียงแค่พูดคำสั่งที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างการสนทนากับคุณ ระบบจะเรียนรู้และจดจำสิ่งที่คุณทำเป็นประจำขณะขับขี่ โดยอิงตามข้อมูลทางภูมิศาสตร์ เช่น ถ้าคุณเปิดกระจกหน้าต่างทุกครั้งที่จะถอยจอด รถยนต์จะเรียนรู้และเปิดหน้าต่างให้อัตโนมัติเมื่อเข้าที่จอดรถ ทำให้กิจวัตรประจำวันสะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้น



ด้วยฐานล้อที่ยาวกว่าเดิมส่งให้มีพื้นที่วางขามากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้น ยังมีการปรับปรุงเบาะนั่งใหม่ทั้งหมด โดยพนักพิงส่วนรองรับไหล่และสะโพกของเบาะคู่หน้าถูกขยายให้กว้างขึ้นเกือบ 30 มม. ขณะที่ส่วนรองรับไหล่ของเบาะหลังก็กว้างกว่าเดิม 25 มม. และตัวเบาะสามารถปรับเลื่อนได้สูงสุด 130 มม. เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาหรือที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ส่วนพนักพิงปรับเอนได้สูงสุด 12 องศา และเมื่อพับเบาะลงจะได้พื้นที่วางของรวม 1,450 ลิตร… หลังคา Panoramic ติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนครึ่งหน้า (เหนือเบาะคู่หน้า) สามารถเปิดได้

SPECIFICATIONS: MINI COUNTRYMAN S ALL4 – HIGHTRIM
- Price: ฿2,799,000
- Engine: 2.0litre petrol turbocharged, 204hp @ 5000-6000rpm, 300Nm @ 1450-4500rpm
- Transmission: 7-speed DCT automatic, all-wheel drive
- Performance: 7.4sec 0-100km/h, 228km/h top speed
- Weight: n/a