Breaking News

รีวิว ลองขับ Mitsubishi X-Force HEV 2025 | คอมแพคต์ SUV ไฮบริดใหม่ ขับสนุก ประหยัด ทันสมัย

รีวิว ลองขับ Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X 2025 ดีไซน์ Silky & Solid พร้อม 7 Drive Mode และเทคโนโลยี Mitsubishi e:MOTION

ด้านหน้า Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE พร้อมไฟหน้า LED และกระจัง Dynamic Shield

รีวิว ลองขับ Mitsubishi X-Force HEV คอมแพคต์ SUV ไฮบริดใหม่ 

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X 2025

ด้านหน้า Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE พร้อมไฟหน้า LED และกระจัง Dynamic Shield

Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE X ยนตรกรรม Compact SUV แบบ Full Hybrid

Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE X ยนตรกรรม Compact SUV แบบ Full Hybrid

“นำร่องด้วย Mitsubishi Xpander HEV และ Xpander Cross HEV ยนตรกรรม Full Hybrid สไตล์ MPV เจเนอเรชันแรก เพื่อต่อยอดสู่ก้าวที่ 2 แห่งความสำเร็จ … และนี่คือ Mitsubishi X-Force HEV ยนตรกรรม Compact SUV แบบ Full Hybrid สมรรถนะรอบด้าน ในแบบที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว”

กับ Mitsubishi X-Force HEV เสียงลือเสียงเล่าอ้างมีออกมาอย่างไม่ขาดสาย บ้างก็บอกว่า “ดี” บ้างก็บอกว่ามีจุดที่ต้อง “ติ” … เพราะฉะนั้นทางเดียวที่จะรู้ได้ คือ “ยืม” มาทำความรู้จักและสัมผัส สักหน่อย จะดีกว่า

เพราะว่าสิ่งเดียวที่เรารู้ก็คือ Mitsubishi X-Force HEV มากับเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Mitsubishi Xpander HEV และ Xpander Cross HEV แค่นั้น

Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE X ไฟหน้าแบบ LED

Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE X ไฟหน้าแบบ LED

Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE X ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED

สำหรับ Mitsubishi X-Force HEV ที่จัดจำหน่ายอยู่ในบ้านเรานั้น หลักๆ จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อย เริ่มต้นด้วยรุ่น IGNITE ค่าตัว 899,000 บาท ไล่ขึ้นมาเป็นรุ่น ULTIMATE ค่าตัว 1,039,000 บาท

และรุ่นสูงสุดที่เห็นอยู่นี้ คือ รุ่น ULTIMATE X ราคา 1,089,000 บาท พร้อม ออปชัน “จัดเต็ม” ที่สุด ซึ่งเราแนะนำให้เปิดแคตตาล็อกดูน่าจะช่วยให้ชัดเจนมากกว่าในเรื่อง “ความต่าง” ของแต่ละรุ่น

แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้ง 3 รุ่น “ไม่ต่าง” กันเลย คือ ความหล่อเหลาของงานดีไซน์ ที่นำแนวคิด Silky & Solid ทิศทางใหม่ในการออกแบบของมิตซูบิชิมาใช้กับ All-New Mitsubishi X-Force HEV ผสานสไตล์โดดเด่นเข้ากับความทรงพลังได้อย่างลงตัว เช่น

เอกลักษณ์ Dynamic Shield แบบ 3 มิติ รับกับสัญลักษณ์ Three Diamond และกระจังหน้าที่ออกแบบกลมกลืนกับกันชนหน้า เสริมด้วยไฟหน้า, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ที่โดดเด่น

Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE X  กล้อง/เซนเซอร์ที่ติดตั้งบนกระจกบังลมหน้า (Windshield Camera)

Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE X

Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE X ล้ออัลลอย

ในมุมมองด้านข้างสะดุดตากับหลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof) ด้านบน ทั้งยังมีจุดที่เราชื่นชอบมาก ๆ อีกด้วย นั่นคือความชัดเจนในอัตลักษณ์ของยนตรกรรมอเนกประสงค์ SUV ซึ่งประกอบด้วย การกำหนดความสูงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) ไว้ที่ 183 มม. ผสานกับดีไซน์สปอร์ตของล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 18 นิ้ว และการตกแต่งด้วยวัสดุที่มีโทนสีตัดกับตัวรถ

ในมุมมองด้านหลังของ All-New Mitsubishi X-Force HEV ยังคงรักษาธีมการออกแบบจากด้านหน้าไว้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนชุดไฟท้าย LED สี Smoke ที่ต้องเรียกว่าเป็น “ไอคอนนิค” เลยทีเดียว

ทั้งสไตล์งานดีไซน์ในรูปทรง T-Shape และความเล็กของ “ไฟเลี้ยว” และ “ไฟเบรก” ซึ่งในส่วนของไฟเบรกนั้นดีหน่อยที่มีอีกหนึ่งตัวช่วยเพิ่มมาให้ นั่นคือ “ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED” ติดตั้งอยู่ที่บริเวณสปอยเลอร์หลังคานั่นเอง

เสาอากาศครีบฉลาม กล้องมองหลัง และที่ปัดน้ำฝนท้าย Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE

 Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE

ด้านหลัง Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE ไฟท้าย แบบ LED สี Smoke

ภายในห้องโดยสารมากับคอนเซ็ปต์ “Horizontal Axis” ตอบโจทย์สไตล์คนรุ่นใหม่ ตั้งแต่การเลือกใช้สีทูโทน Mélange-Mocha การตกแต่งด้วยผ้าแบบพิเศษเพื่อกันน้ำและคราบสกปรก ไปจนถึงการเลือกใช้วัสดุหุ้มเบาะแบบ “Heat Guard” ที่ช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดด

ทั้งยังตอบโจทย์ทุกการใช้งานด้วยความกว้างขวางของห้องโดยสาร ซึ่งเบาะนั่งด้านหลังไม่เพียงปรับเอนได้ แต่ยังสามารถพับปรับได้แบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย

All-New Mitsubishi X-Force HEV มากับออปชันระดับไฮไลต์ที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว ที่ดีไซน์แบบ Multi-widget (มัลติวิดเจ็ต) ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเพื่อแสดงข้อมูลต่าง ๆ พร้อมกันบนหน้าจอเดียว มีแรงบันดาลใจจากมาตรวัดสามช่องในรถระดับตำนานอย่าง Mitsubishi Pajero

หน้าจอกลางมากับระบบสัมผัส และขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว พร้อมฟังก์ชัน Smartphone-link Display Audio (SDA) ตลอดจนรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ไปจนถึง Web Link เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย

ระบบปรับอากาศยังคงมากับระบบฟอกอากาศ nanoe™ X เพื่อช่วยสร้างอากาศบริสุทธิ์ และยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย สำหรับสร้างความสดชื่นตลอดการเดินทาง เช่นเดียวกับ ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Light) บริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตูด้านหน้า

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X สีภาย สีเทา - น้ำตาล พร้อมตกแต่งผ้าชนิดพิเศษ

 Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X พวงมาลัยหุ้มหนังแบบปรับ 4 ทิศทาง สูง - ต่ำ และเข้า - ออก

และไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ “เครื่องเสียง” เพราะ All-New Mitsubishi X-Force HEV เค้ามากับ Dynamic Sound Yamaha Premium Sound System (ไดนามิค ซาวด์ ยามาฮ่า พรีเมียม ซาวด์ ซิสเต็ม)

มาพร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง ให้คุณภาพเสียงราวกับฟังเครื่องดนตรีแบบแยกชิ้น ทั้งยังเลือกรูปแบบเสียงได้ถึง 4 เพื่อเพิ่มสุนทรียภาพ และประสบการณ์ขับขี่ที่เพลิดเพลินยิ่งขึ้น

Diamond Sense เทคโนโลยีความปลอดภัย คืออีกหนึ่งจุดเด่นของ All-New Mitsubishi X-Force HEV ที่สามารถดูแลครอบคลุมได้ถึง 360 องศา จากการใช้กล้อง เซนเซอร์ และเรดาห์ ทำงานร่วมกันอย่างแม่นยำ เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบหากเกิดสภาวะฉุกเฉินหรือต้องระมัดระวัง ประกอบด้วย

ระบบ MAM with Moving Object Detection: กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นกะระยะ ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่ง แสดงภาพสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ พร้อมระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว, ระบบ LCDN: ช่วยเตือนเมื่อรถด้านหน้าออกตัวหรือเคลื่อนที่ไปด้านหน้า, ระบบ BSW with LCA: ช่วยเตือนจุดอับสายตาและระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน,

ระบบ FCM: ช่วยเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็วป้องกันความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้า, ระบบ ACC: ช่วยล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ จนถึงจุดหยุดนิ่ง, ระบบ AHB: ช่วยควบคุมไฟสูงโดยอัตโนมัติ, ระบบ RCTA: ช่วยเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X มาตรวัดการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงและโทรศัพท์ บนพวงมาลัย

ความสำเร็จของ All-New Mitsubishi X-Force HEV คือ MITSUBISHI e:MOTION การผสาน 3 เทคโนโลยีสุดล้ำของค่ายเข้าด้วยกัน ได้แก่ ระบบขับเคลื่อน Full-Hybrid เจเนอเรชันล่าสุด, โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ และระบบควบคุมการขับเคลื่อนพร้อมสมดุลขณะเข้าโค้ง (AYC)

โดยระบบขับเคลื่อน Full-Hybrid เจเนอเรชันล่าสุด ของ All-New Mitsubishi X-Force HEV พัฒนามาจากความสำเร็จของระบบ Plug-in Hybrid (PHEV) และต่อยอดมาถึง Full-Hybrid รุ่นแรกอย่าง Xpander HEV จนถึง X-Force HEV ทำให้ประสิทธิภาพในการส่งกำลังเหนือกว่า

นอกจากนี้ยังเพิ่มกลไกตัดการเชื่อมต่อของมอเตอร์เข้าไป ทำให้ลดการสูญเสียพลังงานได้มากขึ้นและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โดยเคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยไว้ที่ 24.4 กิโลเมตร/ลิตร

รวมถึงสามารถทำระยะทางในการขับขี่ต่อถังน้ำมันได้สูงที่สุดเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน ระบบส่งกำลังของ All-New Mitsubishi X-Force HEV เป็นแบบ 2-Speed Transaxle เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่แบบรถไฟฟ้า

ด้วยคุณสมบัติเด่นเรื่องอัตราเร่งและความเงียบ จากการที่มอเตอร์ เจเนอเรเตอร์ และระบบส่งกำลังถูกออกแบบให้ทำงานผสานกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อลดเสียงรบกวน

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน

โดยระบบขับเคลื่อน Full-Hybrid ของ All-New Mitsubishi X-Force HEV มีทั้งการขับขี่แบบ EV Drive, การขับขี่แบบ Hybrid-Series, การขับขี่แบบ Hybrid-Parallel, การขับขี่แบบ Hybrid–Motor Disconnected และการขับขี่แบบ Power Regenerative โดยจะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่อัตโนมัติตามสถานการณ์การขับขี่และปริมาณพลังงานที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่ 

ส่วนต่อมา 7 Drive Mode หรือโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ แบ่งออกเป็นโหมดการขับขี่แบบรถไฟฟ้า 2 รูปแบบ คือ EV Priority Mode และ Charge Mode ตามด้วยโหมดการขับขี่อีก 5 รูปแบบ ประกอบด้วย

Normal Mode, Tarmac Mode เน้นความเร้าใจเช่นเดียวกับ Sport Mode, Gravel Mode สำหรับถนนลูกรังลดอาการลื่นไถล, Mud Mode สำหรับถนนโคลน

และ Wet Mode สำหรับถนนเปียกลื่น เพื่อเพิ่มเสถียรภาพแม้ในสภาพฝนตกหนัก โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนโหมดได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัสจากสวิตช์บนคอนโซลกลาง

หน้าจอมัลติมีเดียสัมผัส Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE รองรับ Apple CarPlay

ห้องโดยสาร Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE ภายในสีดำ พร้อมหน้าจอ 12.3 นิ้ว

ห้องโดยสาร Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE ภายในสีดำ พร้อมหน้าจอ 12.3 นิ้ว

สุดท้ายคือ ระบบ Active Yaw Control (AYC) ช่วยควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง ไปจนถึงควบคุมแรงขับและแรงเบรกของล้อหน้าแต่ละฝั่ง ทำงานร่วมกับระบบ Traction Control System (TCL) ระบบป้องกันการลื่นไถล ป้องกันล้อหมุนฟรี

ระบบ Active Stability Control (ASC) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และพวงมาลัยไฟฟ้า Electric Power Steering ซึ่งจะปรับน้ำหนักตามความเร็วและสภาพถนน

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X เครื่องยนต์ 4 สูบ MIVEC DOHC 16 วาล์ว  แบตเตอรี่ Lithium-ion

โดยทั้งหมดก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมและการทรงตัว เพื่อสร้างความมั่นใจและความสนุกในการขับขี่ รวมถึงดึงศักยภาพสูงสุดของ All-New Mitsubishi X-Force HEV ออกมา ทั้งจากเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร MIVEC DOHC 16 วาล์ว

ซึ่งถูกใช้งานครั้งแรกใน Xpander HEV มีกำลังสูงสุด 107 แรงม้า พร้อมแรงบิด 134 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 85 กิโลวัตต์ พร้อมแรงบิด 225 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบเป็นพิเศษ

เสริมด้วยการติดตั้งปั๊มน้ำไฟฟ้าเพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากระบบขับเคลื่อนเสริม (Auxiliary Drive Loss) ทำให้ประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นกว่า 40% ส่งผลให้ประหยัดเชื้อเพลิงและประสิทธิภาพโดยรวมของระบบขับเคลื่อนดีขึ้น

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X ระบบเสียง Dynamic Sound Yamaha Premium System

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกปรับอุณภูมิอิสระ ซ้าย - ขวา

ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากการทดลองขับ ที่บอกตรง ๆ ว่า All-New Mitsubishi X-Force HEV ทำได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องขับขี่ในเมือง ที่ต้องการความคล่องตัวสูง ทัศนวิสัยที่ดี และการตอบสนองอันฉับไว เพราะแค่ Normal Mode ก็ตอบโจทย์สิ่งที่เราต้องการได้อย่างมากพอ

ในเรื่องความกระฉับกระเฉงของจังหวะออกตัว ที่ใช้การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นหลัก ขณะที่น้ำหนักพวงมาลัยก็ให้ความเชื่องมือได้อย่างเหมาะสม ชนิดที่ทำให้การจราจรยามคับคั่งอันน่าเบื่อ กลายเป็นเรื่องสนุกอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกปรับอุณภูมิอิสระ ซ้าย - ขวา

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกปรับอุณภูมิอิสระ ซ้าย - ขวา

จากในเมือง เราออกนอกเมืองเล็กน้อย และเพิ่มน้ำหนักคันเร่งขึ้นอีกนิด เพื่อใช้ความเร็วเพิ่มขึ้น ณ จุดนี้ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าต้องทำงานสลับกันตามสถานการณ์ และพฤติกรรมผู้ขับขี่อย่างเหมาะสม ภายใต้จุดเด่นหลัก ๆ เลยก็คือ “การตัดต่อกำลัง” ที่เรียบเนียน ไร้รอยต่อ

รวมถึงเรี่ยวแรงที่ถูกถ่ายทอดออกมาก็เป็นอย่างราบรื่นเป็นธรรมชาติ ไม่ได้กระชากหรือกระชั้นให้เสียอารมณ์ ฉะนั้น แค่กดเท้าขวาลงไปบนแป้นคันเร่งเบา ๆ All-New Mitsubishi X-Force HEV ก็พร้อมทะยานพุ่งไปข้างหน้า

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X  ช่องต่ออุปกรณ์ USB-A และ USB-C บริเวณด้านหน้า

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย

จาก Normal Mode ลองเปลี่ยนเป็น Tarmac Mode ดูบ้าง โหมดนี้พูดง่าย ๆ ก็เปรียบได้กับ Sport Mode ที่จะเปลี่ยนบุคลิกของ All-New Mitsubishi X-Force HEV ให้กระฉับกระเฉงขึ้น เรียกว่ารับรู้ได้ถึงการถ่ายทอดพละกำลังที่ฉับไว รวมถึงน้ำหนักพวงมาลัยที่ตึงมือขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่วยเติมรสชาติความสนุกให้ผู้ขับขี่สัมผัสทุกการขับขี่

ระบบช่วงล่างด้านหน้าอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง เสริมด้วยเหล็กค้ำหัวโช๊ค จับคู่กับด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ประกอบกับล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 225/50 ให้ความรู้สึกค่อนข้าง “เป็นกลาง” เพราะมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลว่า “มีการปรับเซ็ตให้เข้ากับถนนเมืองไทยมากที่สุด”

ทำให้ในภาพรวมจึงค่อนข้างมีความ “เป็นกลาง” เพื่อให้สามารถรับมือกับทุกสภาพพื้นผิวถนนในบ้านเราได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น บนเส้นทางไฮเวย์โล่ง ๆ หรือในโค้งกว้าง ๆ ก็ยังให้ความมั่นใจได้ดี ทั้งในเรื่องของการดูดซับแรงสั่นสะเทือนและการยึดเกาะถนน หรือต่อให้เจอโค้งแคบ ๆ ลึก ๆ ก็ยังสามารถรับมือได้

แต่อาจมี “อาการ Body Roll (การโคลงของตัวถัง)” เกิดขึ้นบ้าง ซึ่งนั่นเป็นอาการปกติของยนตรกรรมอเนกประสงค์ SUV ที่มีทั้งความสูงใต้ท้องรถและความสูงของตัวรถเป็นส่วนประกอบ ตลอดจนการปรับเซ็ตช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวลมากกว่าความสปอร์ต

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X เกียร์ Electric Shift หุ้มหนัง

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X ปุม Auto Hold

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X ระบบ Drive Mode

ฉะนั้น ใครที่คาดหวังว่าจะได้สัมผัสความสปอร์ต ความเร้าใจในการขับขี่แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย อาจผิดหวังเล็กน้อย แต่ถ้าคาดหวังอารมณ์การขับขี่ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ นั่นแหละ คุณมาถูกทางแล้ว เพราะภาพรวมในความเร็วต่ำ

นอกจากจุดเด่นเรื่องการตอบสนองที่ทันใจ ตลอดจนการควบคุมที่เฉียบคมและคล่องตัวแล้ว การดูดซับแรงสั่นสะเทือนของช่วงล่างยังถือเป็นอีกเรื่องที่น่าประทับใจเช่นกัน

ความดีงามของ All-New Mitsubishi X-Force HEV ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะการขับขี่ในโหมด Normal หรือ Tarmac เท่านั้น แต่ยังมีโหมดอื่น ๆ ที่เราเชื่อว่าจะให้ความมั่นใจได้ดีในสถานการณ์นั้น ๆ อีกด้วย เช่น Wet Mode, Gravel Mode หรือแม้กระทั่ง Mud Mode เอง         

ที่เรา “เชื่อ” ก็เพราะว่า 7 Drive Mode หรือโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบของ All-New Mitsubishi X-Force HEV เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก Mitsubishi Xpander HEV และ Xpander Cross HEV

Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X เบาะนั่งคนขับปรับระดับ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

ซึ่งเราเคยผ่านมือการทดลองขับในสนามแบบจริงจังทั้ง 3 โหมดมาแล้ว และสามารถคอนเฟิร์มได้ว่า ประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละโหมดการขับขี่นั้น จะทำให้ทุกคนประทับใจได้เป็นอย่างดีแน่นอน

รวมไปถึงเรื่องของอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย เพราะแม้ตัวเลขโรงงานจะมีการเคลมเอาไว้ที่ 24.4 กิโลเมตร/ลิตร ก็ตาม แต่ถ้าอยากทำความประหยัดมากกว่านี้ ก็แทบไม่ใช่ปัญหา เพราะที่ผ่านมา พี่ ๆ สื่อหลายสำนักก็ทำให้เห็นด้วยตัวเลขที่ต้องบอกว่า “คาดไม่ถึง” …

สุดท้าย ปัญหาโลกแตกที่อุปทานหมู่กันว่า “ไฟเลี้ยว” และ “ไฟเบรก” มีขนาดเล็ก … ใช่ครับ! เล็กจริงไม่เถียง แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาต่อการใช้งานอย่างที่หลายคนเข้าใจกันนะครับ

Specification: Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X

  • Price :  1,089,000 BHT
  • Engine : 1,590 CC / MIVEC / 4 Cylinder / 16 Valve 107 HP @ 6,000 RPM / 134 NM @ 4,500 RPM
  • Electric Motor : 85 KW / 225 NM
  • Transmission : A/T / 2-Speed Transaxle
  • Performance :  0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
  • Weight :  N/A

Check Also

Honda e:N1 2025 มุมเฉียงด้านหน้ารถไฟฟ้า EV compact city car

รีวิว Honda e:N1 EV 100% – SUV ไฟฟ้า 204 แรงม้า วิ่งไกล 500 กม. ราคาเริ่มต้น 1,199,000 บาท

รีวิว ลองขับ Honda e:N1 SUV พลังงานไฟฟ้า 100% ดีไซน์ใกล้เคียง Honda HR-V แต่เพิ่มความล้ำสมัย ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กม. ราคา …