Breaking News

รีวิว ลองขับ Nissan Serena e-POWER Highway Star มินิ MPV สไตล์ครอบครัว เงียบ ประหยัด ใช้งานง่าย

รีวิว ลองขับ Nissan Serena e-POWER ให้แรงบิดสูงตั้งแต่ออกตัว เงียบ ช่วงล่างนุ่ม ห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมความประหยัดในระดับ Eco Car

ภาพภายนอก Nissan Serena e-POWER Highway Star มินิ MPV ดีไซน์เรียบหรู สไตล์ครอบครัว

รีวิว ลองขับ Nissan Serena e-POWER มินิ MPV สไตล์ครอบครัว

NISSAN SERENA e-POWER HIGHWAY STAR

จุดเด่นของ Nissan Serena คือการใช้เทคโนโลยี e-Power แบบเดียวกับที่มีอยู่ใน Nissan Kicks ทำให้คุณได้ประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบกว่า (สลับกับเสียงเครื่องยนต์เมื่อต้องชาร์จไฟ) และอัตราเร่งทันใจกว่า

ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับรถที่หนักถึง 1.7 ตัน เนื่องจากได้แรงบิดสูงสุดตั้งแต่ออกตัว ส่งให้ Serena ขับขี่ได้อย่างมีชีวิตชีวา เมื่อเทียบกับ Mini MPV ที่ใช้การขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์

มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า และทำแรงบิดได้ที่ 315 นิวตันเมตร แน่นอนว่าไม่ได้เร็วแรงอะไรนัก ทว่าเพียงพอสำหรับการขับขี่ทั่วไปในเมือง ที่ความเร็วต่ำถึงกลางการเก็บเสียงทำได้ดีทีเดียว

แม้กระทั่งเสียงจากเครื่องยนต์ที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาชาร์จไฟเป็นระยะๆ ก็ไม่ค่อยดังเข้ามาให้ได้ยินนัก ช่วงล่างที่เซ็ตมานุ่มนวลเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้ Serena ดูน่าสนใจ สามารถลดแรงสั่นสะเทือนเมื่อวิ่งผ่านถนนขรุขระได้ดี

แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความโคลงเคลงเมื่อใช้ความเร็วสูงหรือขับขี่บนถนนคดเคี้ยว เช่นเดียวกับพวงมาลัยที่เบาหวิวซึ่งดีสำหรับการซอกแซกในเมือง แต่ลดทอนความมั่นใจในการบังคับควบคุมลงไปเมื่อใช้ความเร็ว

เมื่อเทียบกับความเป็นรถ MPV ขนาดเล็กที่มีความยาวฐานล้อเพียง 2.8 เมตร แล้ว ห้องโดยสารของ Serena นับว่ากว้างขวางโอ่อ่าเกินตัวทีเดียว ต้องยกความดีความชอบให้กับการออกแบบและจัดวางตำแหน่งองค์ประกอบต่างๆ ที่ทำได้อย่างชาญฉลาด อาทิ

การใช้แผงประตูที่ค่อนข้างเรียบแบน ทำให้สามารถวางเบาะ ซ้าย-ขวา ห่างจากกันได้มากขึ้น, โอเวอร์แฮงก์ท้ายรถที่ค่อนข้างยาว ช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กับเบาะแถวที่ 3 เป็นต้น เมื่อรวมกับหลังคาสูง และกระจกรอบคันขนาดใหญ่

ส่งให้ห้องโดยสารโปร่งโล่งอย่างยิ่ง ปัญหาเดียวที่พบก็คือระบบปรับอากาศให้ความเย็นได้ไม่ดีนักเมื่อขับขี่ในวันที่แดดแรงๆ คงต้องแก้ด้วยการใช้ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพดีๆ หน่อย

ราคา 1.7 ล้านค่อนข้างสูงสักหน่อย เนื่องจากเป็นรถนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ปัญหาก็คือปัจจุบันมาตรฐานวัสดุและการประกอบไม่ได้แตกต่างกันแบบฟ้ากับเหวเหมือนสมัยก่อน

ทำให้ยกมาเป็นเหตุผลอ้างอิงว่าการเป็นรถจากญี่ปุ่นทั้งคันจะมีคุณภาพดีกว่ารถประกอบในประเทศไม่ได้อีกต่อไป นอกจากนั้น ยังมีรถรูปแบบอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมายเหลือเกินในตลาดที่อยู่ในเรนจ์ราคานี้

มันเป็นรถ Mini  MPV ที่ดี โดยเฉพาะในแง่ของการใช้งานสำหรับครอบครัว, ให้ความรู้สึกพิเศษเพราะไม่มีรถในคลาสนี้ให้เลือกจากแบรนด์อื่นๆ (ที่ไม่ใช่ผู้นำเข้าอิสระ) และประหยัดน้ำมันระดับเดียวกับ (หรือดีกว่า) Eco Car คันจิ๋วๆ  ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความชอบและเหตุผลส่วนตัวของแต่ละคนว่าจะเลือก Serena หรือไม่

ภาพด้านหน้าของ Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 มินิแวนดีไซน์ทันสมัย พร้อมไฟหน้า LED และกระจังหน้าโครเมียม

ภาพมุมเฉียงด้านหน้าของ Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 โดดเด่นด้วยเส้นสายลู่ลมและล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต

ภาพมุมเฉียงด้านหลังของ Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 เผยเส้นสายตัวถังที่ต่อเนื่องและไฟท้ายแนวนอน

ภาพด้านหลังของ Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 มาพร้อมไฟท้าย LED และดีไซน์เรียบหรูดูลงตัว
ความยาวฐานล้อ 2,870 มม. และตัวถังยาวกว่า 4.7 เมตร ส่งให้ Nissan Serena มีห้องโดยสารกว้างพอสำหรับที่นั่งทั้ง 3 แถว อาจพูดได้ไม่เต็มปากว่า “สบายทุกที่นั่ง” แต่ก็สามารถใช้งานได้จริงและนับว่าน่าถึงสำหรับรถ MPV ขนาดเล็ก ตัวถังภายนอกได้รับการปรับปรุงอยางมากที่ด้านหน้าด้วยดีไซน์แบบ ‘V-motion’ ภาษาการออกแบบของ Nissan รุ่นใหม่ๆ ให้ภาพลักษณ์สปอร์ตยิ่งขึ้น สปอยเลอร์ที่ด้านข้างและฝาท้ายช่วยลดเสียงรบกวนของลมขณะใช้ความเร็วสูง ส่วนกระจกรอบคันขนาดใหญ่ให้สัมผัสโปร่งโล่ง โดยกระจกหน้าและกระจกประตูหน้าเป็นแบบ 2 ชั้น เพื่อลดเสียงรบกวน นอกจากนั้น Nissan ยังเคลมว่า กระจกขนาดใหญ่รอบคันยังช่วยลดอาการเมารถ (Motion Sickness) ซึ่งมักพบเมื่อเดินทางในรถ EV ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม นี่ทำให้ระบบปรับอากาศไม่สามารถทำความเย็นได้ดีนักเมื่อเจอแดดแรงๆ การติดตั้งฟิล์มกรองแสงคุณภาพดีจะช่วยลดปัญหานี้ได้

ภาพกระจังหน้า Nissan Serena e-POWER 2025 ลายโครเมียมหรู พร้อมโลโก้ e-POWER

ภาพกระจังหน้า Nissan Serena e-POWER 2025 ลายโครเมียมหรู พร้อมโลโก้ e-POWER

ภาพไฟหน้า Nissan Serena e-POWER 2025 ดีไซน์ LED ทันสมัย พร้อมเส้นไฟ Daytime Running Light
โดยส่วนตัวเราชอบการออกแบบหน้ารถอย่างยิ่ง ด้วยการใช้ครีบแนวนอนพาดยาวเต็มความกว้างตัวรถ ร่วมด้วยคิ้วโครเมี่ยมที่ด้านนอกช่วยพรางชุดไฟหน้าแบบ Full-LED ให้ล่องหนหากไม่สังเกตใกล้ๆ ต่างจากรถส่วนใหญ่ที่ “เล่นง่าย” ด้วยการแยกชุดไฟหน้าไปไว้ที่ช่องด้านข้างกันชน และ Serena ยังติดตั้งสปอตไลต์ (ซึ่งเป็นของหายากในรถรุ่นใหม่ๆ) มาให้ด้วย

ภาพไฟท้าย Nissan Serena e-POWER 2025 แบบ LED Signature Design โดดเด่นทั้งกลางวันและกลางคืน

ประตูท้าย Nissan Serena e-POWER 2025 เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า สะดวกต่อการใช้งาน

ประตูท้าย Nissan Serena e-POWER 2025 เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า สะดวกต่อการใช้งาน
ชุดไฟท้ายเป็นแบบ Full-LED เช่นกัน ความโดดเด่นอยู่ที่ฝาท้ายแบบเปิดได้ 2 รูปแบบ คือเปิดเฉพาะส่วนกระจกหลัง ด้วยการกดปุ่มที่ซ่อนอยู่ใต้โลโก้ ซึ่งดีมากหากจอดในพื้นที่ที่ท้ายรถใกล้กำแพง และเปิดทั้งบานเพื่อการขนย้ายสัมภาระขนาดใหญ่ ด้วยการกดปุ่มบริเวณไฟส่องทะเบียนหลัง ที่สำคัญก็คือ แม้จะเปิดบานกระจกไว้แล้ว แต่คุณก็ยังสามารถเปิดทั้งบานได้เลยโดยไม่ต้องปิดบานกระจกลงมาก่อน

Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 ระบบ e-Power ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตรผลิตไฟฟ้าให้มอเตอร์ขับเคลื่อน

ห้องเครื่อง Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 ระบบ e-Power ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตรผลิตไฟฟ้าให้มอเตอร์ขับเคลื่อน

Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 ระบบ e-Power ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตรผลิตไฟฟ้าให้มอเตอร์ขับเคลื่อน
ระบบไฮบริดของ Serena e-Power มีรูปแบบการทำงานเหมือนกับใน Nissan Kicks กล่าวสั้นๆ คือ รถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งใน Serena มีกำลังสูงสุด 163 แรงม้า และให้แรงบิด 315 นิวตันเมตร โดยมีแบตเตอรี่ขนาด 1.75 kWh ทำหน้าที่จ่ายไฟไปยังมอเตอร์ ส่วนเครื่องยนต์ 3 สูบ ความจุ 1.4 ลิตร ทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟป้อนให้กับแบตเตอรี่ โดยไม่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนแต่อย่างใด เมื่อมีการเร่งความเร็วทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าต้องใช้พลังงาน (กระแสไฟ) จากแบตเตอรี่มากขึ้น ทำให้ไฟลดลงมากกว่าปกติ คุณจึงได้ยินเสียงเครื่องยนต์เร่งรอบเครื่องสูงขึ้น ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากต้องเร่งปั่นไฟให้ทันกับการบริโภคไฟฟ้าของมอเตอร์นั่นเอง… ตัวเครื่องยนต์ (98 แรงม้า, 123 นิวตันเมตร) จึงไม่เน้นสมรรถนะ แต่มุ่งเป้าไปยังการลดความฝืดและเสียงสั่นสะเทือน ด้วยการใช้เทคโนโลยี Mirror Bore Coating แบบเดียวกับที่เคยใช้กับเครื่องยนต์ VR38DETT ใน Skyline GT-R (R35) ด้วยโซลูชั่นนี้ ช่วยให้ได้ผิวกระบอกสูบที่เรียบลื่น, แข็งแกร่ง และลดแรงเสียดทานระหว่างลูกสูบและแหวนลูกสูบกับผนังเสื้อสูบ ทั้งยังให้ประโยชน์อีกหลายประการ อาทิ ลดน้ำหนักรวมเครื่องยนต์ จากการไม่ต้องใช้ปลอกกระบอกสูบ, ลดการรั่วไหลของแก๊สผ่านแหวนลูกสูบ จึงให้การเผาไหม้สมบูรณ์กว่า, กระจายความร้อนได้ดีขึ้น เนื่องจากเคลือบไปที่ผิวเสื้อสูบโดยตรง (ไม่มีปลอกสูบ) ความร้อนจึงถ่ายเทออกได้เร็ว เป็นต้น

ปุ่มเกียร์ Nissan Serena e-POWER 2025 ดีไซน์กะทัดรัด ใช้งานง่าย

ปุ่มเกียร์ Nissan Serena e-POWER 2025 ดีไซน์กะทัดรัด ใช้งานง่าย

ปุ่มควบคุมฟังก์ชัน Nissan Serena e-POWER 2025 จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ

หน้าจอ Nissan Serena e-POWER 2025 แสดงข้อมูลการขับขี่และพลังงาน e-POWER

ปุ่มควบคุมฟังก์ชันหลัก Nissan Serena e-POWER 2025 จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ
และเนื่องจากขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Serena จึงมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Single-speed เช่นเดียวกับ EV โดยส่วนใหญ่ เลือกตำแหน่งเกียร์ได้จากปุ่มกดที่รวมเป็นส่วนหนึ่งของแผงควบคุมด้านล่างแดชบอร์ด แต่กลับติดตั้งปุ่มเลือกรูปแบบการขับขี่แยกไว้ที่ใต้แดชบอร์ดฝั่งขวา (ชิดกับประตู) แทนที่จะรวมไว้ใกล้ปุ่ม EV, e-pedal ซึ่งมีพื้นที่รอบๆ เหลือเฟือ เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกโดยไม่ต้องเอื้อมมือ (และละสายตา) ไปควานหา

ภาพด้านหลังของ Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025

ภาพล้ออัลลอย Nissan Serena e-POWER 2025 ดีไซน์สปอร์ต

ภาพพวงมาลัยและคอนโซลหน้า Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 ตกแต่งโทนสีเข้มพร้อมหน้าจอดิจิทัล
ด้วยรูปทรงแบบ MPV ประสิทธิภาพการขับขี่และทรงตัวจึงไม่ดีนักทั้งที่ความเร็วสูงและขณะเข้าโค้ง แต่น่าพอใจเมื่อขับขี่ในเมือง ด้วยความนุ่มนวลในระดับกำลังดี ไม่ยวบยาบเหมือน “รถจีน” หรือแข็งกระด้างแบบ PPV ระบบบังคับเลี้ยวให้น้ำหนักเบามือ ซึ่งแน่นอน ไม่ดีเลยที่การใช้ความเร็ว แต่คล่องแคล่วสำหรับซอกแซกที่ความเร็วต่ำ… น่าจะเปลี่ยนจาก “Highway” Star เป็น “City” Star มากกว่า

ภายใน Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025

ภายใน Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025

ภายใน Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025

ภายใน Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025
ให้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ‘360° Nissan Safety Shield’ มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดดเด่นที่เทคโนโลยี Intelligent Forward Collision Warning (IFCW) ซึ่งสามารถตรวจจับรถด้านหน้าได้สูงสุด 2 คัน นอกจากนั้นยังมีกระจกมองหลังแบบจอภาพ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) มาให้อีกด้วย

ภาพพวงมาลัยและคอนโซลหน้า Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 ตกแต่งโทนสีเข้มพร้อมหน้าจอดิจิทัล

ภายในห้องโดยสาร Nissan Serena e-POWER Highway Star

ภายในห้องโดยสาร Nissan Serena e-POWER Highway Star

ภายในห้องโดยสาร Nissan Serena e-POWER Highway Star

ภายในห้องโดยสาร Nissan Serena e-POWER Highway Star
Nissan Serena ยังคงใช้แนวคิด ‘Big. Easy. Fun’ เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้ ความหมายคือ Big. ห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่และโปร่งโล่ง, Easy. ใช้งานง่ายด้วยประตูสไลด์ไฟฟ้าอตโนมัติและฝาท้ายแบบเปิดได้สองรูปแบบ และ Fun. สนุกไปกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพับเบาะ ได้มากถึง 13 รูปแบบ มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบสมน้ำสมเนื้อ อาทิ กล้องรอบทิศทาง, ประตูไฟฟ้า, เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold, แท่นชาร์จโทรศัพท์ เป็นต้น

ภาพพวงมาลัยและคอนโซลหน้า Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 ตกแต่งโทนสีเข้มพร้อมหน้าจอดิจิทัล

ภาพพวงมาลัยและคอนโซลหน้า Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 ตกแต่งโทนสีเข้มพร้อมหน้าจอดิจิทัล

ภาพพวงมาลัยและคอนโซลหน้า Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 ตกแต่งโทนสีเข้มพร้อมหน้าจอดิจิทัล
จอแสดงผลดิจิทัลเต็มรูปแบบสำหรับผู้ขับมีขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลและข้อมูลได้ จอแสดงผลส่วนกลางระบบสัมผัสมีขนาด 12.3 นิ้ว เช่นกัน รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto

เบาะคู่หน้า Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 นั่งสบาย ปรับได้หลายระดับ

เบาะแถวกลาง Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 แยกอิสระ รองรับผู้โดยสารอย่างสะดวก

เบาะแถวสาม Nissan Serena e-POWER 2025 พับเก็บได้ เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
เบาะจัดวางไว้ในตำแหน่งค่อนข้างสูง เบาะหน้าฝั่งผู้โดยสารมีพื้นที่วางขาจำกัดเนื่องจากส่วนล่างของแดชบอร์ดที่ปิดยาวลงมาถึงพื้น ส่วนเบาะแถวที่สองปรับแนวราบได้ 4 ทิศทาง คือ เดินหน้า-ถอยหลัง และ ซ้าย-ขวา (แนวขวาง) มีพื้นที่เหลือเฟือหากไม่มีใช้งานเบาะแถวสาม หรือหากเลื่อนเดินหน้ามากพอ ก็ยังมีพื้นที่วางขาเหลือให้นั่งได้สะดวก และผู้นั่งเบาะแถวสามก็มีพื้นที่วางขาได้เช่นกัน

Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025

ภายในห้องโดยสาร Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025

ภายในห้องโดยสาร Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025

ภายในห้องโดยสาร Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025

เบาะแถวสาม Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 พับเก็บได้ เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
นอกจากพื้นที่แล้ว ผู้นั่งทุกตำแหน่งยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาให้ทั้งจุดวางขวดน้ำ, ช่อง USB, ปุ่มเปิดประตูสไลด์ และอื่นๆ ส่วนเบาะแถวที่สองและสามสามารถพับปรับเปลี่ยนได้ 13 รูปแบบ ซึ่งรวมไปถึงการพับเบาะแถวที่สามเพื่อเก็บของ หรือพับเบาะแถวที่สองลงด้วย เพื่อให้ได้พื้นที่เรียบสำหรับการนั่งเล่นเป็นครอบครัว

ภาพด้านหลังของ Nissan Serena e-POWER Highway Star 2025 มาพร้อมไฟท้าย LED และดีไซน์เรียบหรูดูลงตัว

SPECIFICATION

  • Price: ฿1,690,000
  • Powertrain: single e-motor, 163ps, 315Nm (with 1433cc inline-3 petrol engine for generates electricity)
  • Transmission: Single-speed auto, front-wheel drive
  • Performance: n/a
  • Weight: 1797kg

Check Also

ด้านหน้า Mitsubishi X-Force HEV ULTIMATE พร้อมไฟหน้า LED และกระจัง Dynamic Shield

รีวิว ลองขับ Mitsubishi X-Force HEV 2025 | คอมแพคต์ SUV ไฮบริดใหม่ ขับสนุก ประหยัด ทันสมัย

รีวิว ลองขับ Mitsubishi X-Force HEV Ultimate X 2025 ดีไซน์ Silky & Solid พร้อม 7 Drive …