Breaking News

Test Drive: รีวิว ทดลองขับ All-New Mazda3

Test Drive: รีวิว ทดลองขับ All-New Mazda3 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” รถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาใหม่ทั้งคัน

All-New Mazda3

Test Drive: รีวิว ทดลองขับ All-New Mazda3 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More”

หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆ

เราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้

All-New Mazda3

หลังจากที่สร้างเสียงชื่นชมจากการเชิญสื่อไปทดสอบสั้น ๆ การเปิดวางจำหน่าย ทำให้มีภาพเบื้องต้นออกมาสู่สายตาบุคคลทั่ว ๆ ไป ซึ่งผลตอบรับถล่มทลายในหน้าตา และออฟชั่นที่ถูกเสริมเข้ามาในทุก ๆ จุดจนแทบไม่มีอะไรเสริมเข้ามาได้แล้ว

All-New Mazda3

นับเป็นหนึ่งในรถระดับ C-Segment เพียงไม่กี่รุ่นที่แทรกเข้ามาแข่งกับเจ้าตลาดได้อย่างสมศักดิ์ศรี และยังเป็นรถรุ่นแรก ๆ ที่นำเอาเทคโนโลยีจากในรถหรูเข้ามา จนค่ายรถอื่น ๆ ก็เริ่มเสริมเข้ามา นับเป็นผู้บุกเบิกที่ทำให้ผู้ซื้อได้มีโอกาสได้ใช้เทคโนโลยีระดับสูงในราคาที่ถูกลง และเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่กระตุ้นตลาดให้มีการแข่งขันสูง

All-New Mazda3

ดูได้จากยอดของ All-new Mazda3 ในบ้านเราถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดจองทะลุ 1 พันคันภายในระยะเวลาเพียง 4 วัน อีกทั้งยังทยอยส่งมอบไปแล้วกว่า 600 คัน ขณะที่ยอดจำหน่ายรวมของ Mazda3 ทั่วโลกนับตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรกเมื่อปี พ.ศ.2546 มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 6 ล้านคันไปแล้ว

All-New Mazda3

All-New Mazda3

ภายนอกของ Mazda3 ใหม่ ติดตั้งไฟหน้าแบบ LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมระบบปรับระดับความสูงอัตโนมัติ, ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (เฉพาะรุ่น 2.0 SP), กระจกมองข้างปรับ-พับอัตโนมัติ พร้อมระบบปรับมุมต่ำเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง, กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติทั้ง 4 บาน,

All-New Mazda3

ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และท่อไอเสียปลายคู่ ส่วนรุ่น Fastback จะมีสปอยเลอร์หลังเพิ่มขึ้นมา ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ในรุ่น S และ SP มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ส่วนรุ่น C ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว เหมือนกันทั้งรุ่น Fastback และ Sedan

All-New Mazda3

ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งอย่างหรูหราพิถีพิถัน พร้อมทั้งออกแบบแผงคอนโซลให้ดูมินิมอล โดยทางทีมวิศวกรบอกว่าเป็นการออกแบบให้ช่อง และรูปทรงต่างมีความคล้ายคลึงกันไม่ขัดสายตา ทำให้เมื่อมองผิวเผินจะไม่รู้สึกว่าแตกต่างจากในรุ่นเดิมนัก

All-New Mazda3

แต่ในความเป็นจริงมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย นับว่าเป็นการใส่ใจในทุกลายละเอียดของตัวรถจริง ๆ หน้าจออินโฟเทนเมนท์ Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว ถูกติดตั้งไว้เหนือแผงคอนโซล สั่งงานผ่านปุ่ม Center Commander บริเวณคอนโซลกลางเท่านั้น ไม่สามารถแตะหน้าจอเพื่อสั่งการได้

All-New Mazda3

ตัวหน้าจอให้ความละเอียดสูง พร้อม Interface ที่พัฒนาให้ดูสวยงามและหรูหรามากยิ่งขึ้น สามารถรองรับได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto โดยทุกรุ่นย่อยถูกติดตั้งเบาะนั่งหุ้มวัสดุหนังปรับไฟฟ้าฝั่งผู้ขับ 10 ทิศทาง พร้อมเมมโมรี่ 2 ตำแหน่ง,

All-New Mazda3

เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าสามารถปรับสูง-ต่ำได้, เบาะหลังปรับพับแยกแบบ 60:40 พร้อมพนักวางแขน และที่วางแก้วน้ำ ซึ่งห้องโดยสารด้านหน้ามีพื้นที่ใกล้เคียงกับรุ่นที่แล้ว ตัวเบาะมีความกระชับตัวผู้นั่งได้เป็นอย่างดีสำหรับพื้นที่ห้องโดยสารตอนหลังยังคงไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนมากนัก ซึ่งยังเป็นจุดด้อยที่สำคัญของมาสด้าเช่นเดิม

All-New Mazda3

ส่วนรุ่น SP มีกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา สามารถแสดงภาพแบบ Bird-eye View ได้ เสริมด้วยเซ็นเซอร์ท้าย 6 จุด และเซ็นเซอร์หน้าอีก 4 จุด และในรุ่น SP มาพร้อมเครื่องเสียงรอบทิศทาง Bose ขับกำลังเสียงผ่านลำโพง 12 ตำแหน่ง ขณะที่รุ่น C และ S จะถูกติดตั้งลำโพงมาให้ 8 ตัว ที่บอกเลยว่าคนที่ชื่นชอบเสียงเพลงจะไม่มีปฎิเสธเครื่องเสียง BOSE ชุดนี้แน่นอน

All-New Mazda3

All-new Mazda3 ใหม่ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual S-VT ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

All-New Mazda3

พร้อมโหมด Activematic ที่ยังตอบโจทย์ความรู้สึกในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งค่ายอื่น ๆ หันไปคบกับเกียร์ CVT เสียส่วนใหญ่ โดยได้มีการปรับปรุงในหลายจุด เช่น ระบบหล่อเย็น, ระบบหัวฉีด, รูปทรงของลูกสูบ และปรับแหวนลูกสูบ มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 15.9 กม./ลิตร ตามมาตรฐานอีโค่สติ๊กเกอร์

All-New Mazda3

นอกจากนี้ Mazda3 ใหม่ ยังมีการติดตั้งระบบ G-Vectoring Control Plus ที่พัฒนาต่อมาจาก GVC ปกติ โดยนอกจากจะช่วยลดแรงบิดลงเล็กน้อยเพื่อให้น้ำหนักถ่ายเทมาข้างหน้าขณะเข้าโค้ง เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนนแล้วนั้น ยังสามารถเพิ่มแรงเบรกไปยังล้อด้านนอกโค้งเพื่อช่วยดึงตัวรถให้กลับมาสู่ทางตรงได้ง่ายขึ้น

All-New Mazda3

พูดง่าย ๆ คือ GVC จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขณะรถเริ่มเข้าโค้ง ส่วน GVC Plus จะเข้ามาเสริมเพื่อให้รถออกจากโค้งได้อย่างแม่นยำ และอีกระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ถูกเสริมเข้าอย่างระบบ Cruising & Traffic Support ที่สามารถช่วยปรับความเร็ว และบังคับพวงมาลัยตามคันหน้าได้อัตโนมัติในช่วงความเร็ว 30-60 กม./ชม.

All-New Mazda3

เหมาะสำหรับสภาพจราจรหนาแน่น ที่ต้องขับตามคันหน้าไปเรื่อย ๆ แต่กระนั้น ฟังก์ชั่นดังกล่าวจะตัดการทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อความลดลงต่ำกว่า 20 กม./ชม. โดยประมาณ ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่สามารถชะลอความเร็วลงจนถึงจุดหยุดนิ่ง

All-New Mazda3

ส่วนของช่วงล่างว่าทำไมมาสด้ายังเลือกช่วงล่างด้านหลังแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีมมาใช้ โดยมาสด้าไม่ได้มองถึงการลดต้นทุนใด ๆ ทั้งสิ้น หากแต่ช่วงล่างแบบทอร์ชั่นบีมที่ติดตั้งอยู่ใน Mazda3 ใหม่ เป็นคานบิดแบบพิเศษที่แตกต่างจากคานบิดทั่วไป

All-New Mazda3

ด้วยการออกแบบให้มีตัวคานมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ที่ทำให้ช่วงล่างหนึบหนับ และไม่แข็งกระด้าง รวมถึงยังมีการออกแบบจุดยึดแบบพิเศษที่ส่งผลให้ปราศจากอาการโยนตัวแบบช่วงล่างในรถทั่วไป ด้วยช่วงล่างที่ออกแบบมาเป็นพิเศษนี้ จะทำให้ตัวรถเกิดแรงกระทำเพียงแกนเดียวเท่านั้น คือ ขึ้น-ลง ช่วยลดอาการเอนหน้า-หลังของร่างกาย

All-New Mazda3

ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบาย และมั่นใจยิ่งขึ้น และจากการทดสอบแบบยาว ๆ ตอบได้เลยว่าการขับขี่ในความเร็วสูงนั่นตัวรถก็ยังคงให้ความมั่นใจได้เช่นเดิม แถมจะดีเสียด้วยอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นมันไม่ได้อยู่กับว่าใช้ช่วงล่างแบบใดแต่มันอยู่ที่ความสามารถของทีมพัฒนาของค่ายรถนั้น ๆ จะปรับแต่งออกมาได้ดีได้เหมาะสมกับรถรุ่น ๆนั้น ๆ หรือ เปล่า แต่สำหรับมาสด้าผมว่ามันยอดเยี่ยม

All-New Mazda3 นับเป็นงานศิลปะที่เคลื่อนที่ได้ เป็นการออกแบบชั้นยอดที่เก็บทุกรายละเอียดอย่างใส่ใจ และตั้งใจจากผู้สร้าง

All-New Mazda3

All-New Mazda3 นับเป็นงานศิลปะที่เคลื่อนที่ได้ นับเป็นการออกแบบชั้นยอดที่เก็บทุกรายละเอียดอย่างใส่ใจ และตั้งใจจากผู้สร้างโดยงานตัวถังที่ประณีต ซึ่งสังเกตุได้จากแสง และเงาที่สะท้อนบนตัวรถมีความคมชัดไม่เป็นร่อนคลื่นอย่างรถหลาย ๆ ค่าย

All-New Mazda3

ซึ่งเป็นเครื่องการัตตีในงานฝีมือของมาสด้าที่ถูกถ่ายทอดเรื่องราวลงบนตัวรถได้อย่างน่าประทับใจนั้นว่ายอดเยี่ยมแล้ว ถ้าได้มาลองขับดูคุณจะต้องประทับใจมากขึ้นไปอีกกับระบบช่วงล่างที่ทำออกมาได้อย่างประทับใจจนเป็นรถซีดานขนาดกลางจากญี่ปุ่นที่ช่วงล่างดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา

แม้จุดด้อยยังเป็นพื้นที่แถวหลังผู้โดยสารก็ตาม กับราคา 1,198,000 บาท ในรุ่นท็อปที่มากับเครื่องเสียงชั้นเลิศที่ถูกถ่ายทอดไว้ในห้องโดยสารที่เงียบขึ้นกว่าในรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด นับว่าเป็นรถซีดานขนาดกลางที่ครบเครื่องที่สุดในตลาดตอนนี้อย่างแน่นอน

Check Also

MG5 10th Anniversary Special Edition

รีวิว ลองขับ MG5 10th Anniversary Special Edition รุ่นพิเศษที่เสริมออปชัน แต่ยังคงความคุ้มค่าในเรื่องราคา

รีวิว ลองขับ MG5 10th Anniversary Special Edition เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ขนาด 1.5 …